กรมเจรจาการค้าฯเผย 4 เดือนแรก มูลค่าการค้ากว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ชี้เป้า ผลไม้สด ไก่สด ข้าว รถยนต์ ตอบรับดีแนะใช้ประโยชน์ FTA เพิ่มแต้มต่อขยายส่งออก
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ความตกลงความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership) หรือ RCEP ในช่วงที่ผ่านมามีมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับประเทศสมาชิก RCEP เทียบกับมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับโลก มีสัดส่วนการค้ามากกว่า 50% และประเทศสมาชิก RCEP ถือเป็นคู่ค้าสำคัญที่สุดของไทย ทั้งการนำเข้าและการส่งออก
ทั้งนี้ในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค. 2566) มูลค่าการค้ารวมระหว่างไทยกับประเทศสมาชิก RCEP คิดเป็นสัดส่วน 55.48% ของการค้ารวมระหว่างไทยกับตลาดโลก และไทยส่งออกไปตลาด RCEP คิดเป็นสัดส่วน 51.73% ของการส่งออกของไทยไปตลาดโลก ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ อาเซียน จีน และญี่ปุ่น
สำหรับการส่งออกของกลุ่มสินค้าเกษตรแปรรูปไปตลาด RCEP ขยายตัวได้ดี อาทิ น้ำตาลทราย ขยายตัว 25% ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ขยายตัว 10% ผักกระป๋องและผักแปรรูป ขยายตัว 23% ไอศกรีม ขยายตัว 24% และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ขยายตัว 2% และกลุ่มสินค้าเกษตร อาทิ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ขยายตัว 24% ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ขยายตัว 59% ข้าว ขยายตัว 63% และกุ้งสด แช่เย็น แช่แข็ง ขยายตัว 27%
ขณะที่กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม แม้ภาพรวมจะหดตัวแต่สินค้าส่งออก 2 อันดับแรก ยังคงขยายตัวได้ดี คือ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัว 8% และผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัว 5%
นอกจากนี้ กลุ่มสินค้าผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ที่มีมูลค่าการส่งออก สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ทุเรียนสด สัดส่วน 71% ของการส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ทั้งหมดไปตลาด RCEP มังคุดสด สัดส่วน 8% ของการส่งออกฯ ลำไยสด สัดส่วน 5% ของการส่งออกฯ ทุเรียนแช่เย็นจนแข็ง สัดส่วน 5% ของการส่งออกฯ และมะม่วงสด สัดส่วน 2% ของการส่งออกฯ ตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ จีน และมาเลเซีย
อย่างไรก็ตามในช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย. 2566) มีการส่งออกโดยใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลง RCEP มูลค่า 422 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 107% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า โดยส่งออกไปเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน เวียดนาม และออสเตรเลีย มากที่สุด โดยรายการสินค้าที่ขอใช้สิทธิ RCEP สูงสุด อาทิ น้ำมันดิบ ปลากระป๋องและแปรรูป น้ำอัดลม มันสำปะหลัง หัวเทียน รถจักรยานยนต์ และทุเรียนสด