ยันฮี ย้ำแบรนด์แกร่ง ด้านสุขภาพความงาม ต่อยอดสู่ Non Hospital เพิ่มรายได้บริหารเสี่ยงธุรกิจ

ยันฮี ย้ำแบรนด์แกร่ง ด้านสุขภาพความงาม ต่อยอดสู่ Non Hospital เพิ่มรายได้บริหารเสี่ยงธุรกิจ
ยันฮี แผนบริหารเสี่ยงธุรกิจโรงพยาบาลปรับสมดุลรายได้กลุ่มยา อาหารเสริม เครื่องสำอาง น้ำวิตามิน ร่วมทุนโอสถสภา เปิดตัวน้ำวิตามินเบิร์นไขมัน ไตรมาส4  ตั้งเป้าปี 66 รายได้โต 10%

นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอสถสภา ยันฮี เบฟเวอเรจ จำกัด เปิดเผยว่า จากความแข็งแกร่งแบรนด์ยันฮีด้านความงาม  พร้อมต่อยอดสู่แบรนด์ธุรกิจบริการสุขภาพ อาทิ ศูนย์เวลเนสสำหรับผู้สูงวัย จ.นครปฐม ตั้งแต่ 3-4 ปี ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ รพ.ยันฮี ยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์รอบด้าน ในกลุ่ม Non-Hospital อาทิ เครื่องสำอาง อาหารเสริม ยาแผนปัจจุบัน และยาแผนโบราณ ภายใต้ บริษัท ยาอินไทย ในเครือ รพ.ยันฮี เพื่อบริหารความเสี่ยงธุรกิจโรงพยาบาล จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิดที่ผ่านมา ที่ชะงักการให้บริการธุรกิจหลัก ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าเพื่อความงามและสุขภาพกลุ่มดังกล่าวออกมาสู่ตลาด  

ขณะเดียวกัน ยันฮี ยังมองเห็นโอกาสทางธุรกิจจากกระแสสุขภาพที่เติบโตสูง ด้วยการพัฒนาและทำตลาดสินค้าน้ำดื่มวิตามิน เป็นรายแรกของไทย ภายใต้แบรนด์ยันฮีวิตามินวอเตอร์ ผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ จำกัด

โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังร่วมทุนกับ บริษัทโอสถสภา จำกัด (มหาชน) (OSP) จัดตั้ง บริษัท โอสถสภา ยันฮี เบฟเวอเรจ จำกัด โดยยันฮีถือหุ้น 45% และโอสถสภาถือหุ้น 55% พัฒนาและทำตลาดน้ำเพื่อสุขภาพ เพื่อปลดล็อกช่องทางการทำตลาดได้กว้างขึ้นผ่านพันธมิตรราย ดังกล่าว

“ในปีที่ผ่านมาได้ทำตลาดสินค้าตัวแรก น้ำยันฮีกัญชา ล่าสุดต่อยอดสู่ “น้ำยันฮีวิตามินแคลเซียม” รองรับกลุ่มโรคกระดูกพรุน และกลุ่มผู้อยากรับประทานแคลเซียม แต่อาจแพ้แลคโตสในนมวัว”  นพ.สุพจน์ กล่าว

เบื้องต้น วางจำหน่ายน้ำยันฮีวิตามินแคลเซียม ขนาด 460 มล. ราคา 25 บาท ช่องทางขายร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทุกสาขา พร้อมเตรียมจัดจำหน่ายน้ำดื่มขนาด 350 มล. ในเดือนกันยายนนี้ และเตรียมขยายช่องทางโมเดิร์นเทรดอื่น ๆ ทั่วประเทศทั้งโมเดิร์นเทรด ค้าปลีกดั้งเดิม และโชห่วย ภายในไตรมาส 4 ปี 2566

ทั้งนี้ เพื่อรองรับความต้องการตลาดน้ำดื่มเพื่อสุขภาพในไทยที่มีมูลค่าตลาดรวม 1,900 ล้านบาท มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากโกลบอลเทรนด์รักสุขภาพของผู้บริโภค

นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวสินค้าน้ำวิตามินอีก 2 รายการ จะเป็นผลิตภัณฑ์พัฒนาร่วมกับโอสถสภา 1 รายการ และเป็นสินค้าที่ทำภายใต้ยันฮีเอง 1 รายการ คือ น้ำวิตามินเบิร์นไขมัน ในเดือนกันยายน 2566

นพ.สุพจน์ กล่าวว่า “ธุรกิจนัน ฮอสพิทัล  (Non Hospital) ของกลุ่มยันฮี ดำเนินการมาราว 5 ปี ถึงในปัจจุบันยังต้อ ยังใช้ระยะเวลาพัฒนาธุกิจเพื่อเข้าถึงผู้ริโภคให้เป็นที่ยอมรับได้มากที่สุด ในกลุ่มสินค้ายา อาหารเสริม น้ำวิตามิน ซึ่งจะเป็รอีกหนึ่วช่องทางสร้างรายได้ใหม่ให้กับกลุ่มธุรกิจบริการโรงพยาบาล

สำหรับธุรกิจโรงพยาบาลในระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2565-2567) เตรียมใช้งบลงทุน 100 ล้านบาท เพื่อรีโนเวตโรงพยาบาล และศูนย์สุขภาพทั้งหมด 37 แห่ง โดย ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจโรงพยาบาลฟื้นตัวเกือบ 100% เมื่อเทียบกับช่วงโควิด ซึ่งปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโต 10% จากปี 2565 ทำรายได้รวม 2,000 ล้านบาท

TAGS: #ยันฮี #สุขภาพและความงาม #โรงพยาบาล