ผนึก 3 หน่วยงานจัดการต้นตอเกิดฝุ่น PM2.5 หลังพบ 15 จังหวัดเผาอ้อยมากขึ้น กังวลปีนี้ตัวเลขพุ่งไม่หยุด
ภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 ก.พ. นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ทำหนังสือถึง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขอให้ร่วมกันแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองที่เกิดจากการลักลอบเผาอ้อยเป็นจำนวนมากในพื้นที่ 15 จังหวัด
ทั้งนี้ขอให้กำชับหน่วยงานระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล ให้ความสำคัญในการป้องปรามปัญหาการลักลอบเผาอ้อยเพื่อลดผลกระทบจากวิกฤตด้านฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมพยายามออกมาตรการควบคุมปริมาณอ้อยลักลอบเผามาอย่างต่อเนื่อง แต่จากข้อมูลล่าสุดระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2566 พบว่า ยังมีการลักลอบเผาอ้อยในอัตราที่สูงถึง 29.81% ของปริมาณอ้อยทั้งหมดนับจากวันที่เปิดหีบ จำนวนกว่า 15 ล้านตัน เทียบเท่าได้กับการเผาป่าจำนวน 1.5 ล้านไร่ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ที่หนาแน่นผิดปกติในหลายพื้นที่ทั้งในภูมิภาคและกรุงเทพมหานคร
สำหรับจังหวัดที่มีการลักลอบเผาอ้อยมากที่สุด 15 ลำดับ ได้แก่ นครราชสีมา อุดรธานี กาฬสินธุ์ เพชรบูรณ์ ขอนแก่น สุพรรณบุรี อุทัยธานี นครสวรรค์ กาญจนบุรี เลย หนองบัวลำภู ลพบุรี สระแก้ว ชัยภูมิ และมุกดาหาร
ภานุวัฒน์ กล่าวว่า การลักลอบเผาอ้อยที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้เกิดมลพิษทางอากาศในวงกว้าง ก่อให้เกิดปัญหาในหลายจังหวัด อีกทั้งยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 การหายใจรับฝุ่น PM 2.5 จะส่งผลให้ภูมิต้านทานของร่างกายอ่อนแอลง โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น ผู้ติดเชื้อมีอาการรุนแรง และนำไปสู่อัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันยังส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวและภาคบริการที่กำลังฟื้นตัวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือ “ไฮซีซัน” และอาจทำให้เกิดการสูญเสียโอกาสจากการเปิดของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งนับเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มสำคัญของไทย