ขานรับฟรีวีซ่าจีน 1 ตค.นี้ ผลดีอุตฯท่องเที่ยวทั้งระบบ พัฒนาแอปฯ ‘Pikul’โยง 600 ล.คนทั่วโลก

ขานรับฟรีวีซ่าจีน 1 ตค.นี้ ผลดีอุตฯท่องเที่ยวทั้งระบบ พัฒนาแอปฯ ‘Pikul’โยง 600 ล.คนทั่วโลก
AWC เปิดเกมอสังหาฯดิจิทัล แผนใหญ่เชื่อมเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจลูกค้ากว่า 600 ล้านคนทั่วโลก ผ่านแพลตฟอร์ม ‘Pikul’ ดึงบริการท่องเที่ยวครบลูป พร้อมระบบชำระเงินทุกประเทศ รับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่เปลี่ยน

วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทแอสเสท เวิรด์  คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ กล่าวว่าการดำเนินงาน AWC นับจากนี้ไปจะมุ่งการพัฒนาและบริหารโครงการอสังหาฯ ต่างๆภายในเครือ AWC และพันธมิตรธุรกิจด้านต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์การรับบริการ ระหว่างเครือข่ายลูกค้ากว่า 600 ล้านคนทั่วโลก ให้เชื่อมโยงระบบนิเวศ (ecosystem) ทั้งช่องทางออนไลน์ และ ออฟไลน์

โดย AWC ร่วมกับพันธมิตรบริษัททูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ 2C2P ผู้ให้บริการพัฒนาระบบชำระเงินดิจิทัล (Digital Payment) ผ่านแพลตฟอร์มพิกุล (Pikul) เพื่อให้บริการเชื่อมข้อมูลทั่วไปในกิจกรรม สิทธิพิเศษต่างๆ ระหว่างธุรกิจในเครือ AWC  คาดเปิดตัวในเฟสแรกได้ในราวสิ้นปี 2566

พร้อมพัฒนาต่อไปในเฟส2 ขยายการให้บริการระบบชำระเงิน การทำธุรกรรมระหว่างกัน เพื่อรองรับกลุ่มผู้ใช้บนริการทั่วไป และนักเดินทาง นักท่องเที่ยวทั่วโลก คาดเปิดตัวราวต้นปี 2567

วัลลภา กล่าวว่า “ในอนาคต AWC ยังมองไปถึงการเชื่อมโยงประสบการณ์ในการการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร สิทธิประโยชน์การเดินทางต่างๆ เที่ยวบิน การจองที่พัก โปรโมชัน ต่างๆ ในเครือ AWC โดยผู้ใช้บริการประเทศต่างๆ ยังสามารถชำระค่าบริการ สินค้า หรือการทำธุรกรรมในรูปแบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ได้บนแพลตฟอร์มดังกล่าวโดยไม่ยุ่งยาก ซึ่งสอดคล้องไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่นิยมจับจ่ายผ่านดิจิทัล วอลเล็ตมากขึ้น”

พร้อมกล่าวต่อว่า แนวโน้มสถานการณ์ท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือสุดท้ายของปี 2566 คาดว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหาร พร้อมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการเปิดฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้  ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาว หรือ โกลเดน วีคเอนด์ (Golden Week)  ประเทศจีน ด้วยเชื่อว่าจะเป็นเรื่องดีต่อภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ ที่รวมถึงผู้ประกอบการขนาดกลางด้วย ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจรายใหญ่

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเปิดตัว โค-ลีฟวิง คอลเล็กทีฟ เอ็มเพาเวอร์ ฟิวเจอร์ (Co-Living Collective : Empower Future) หลังใช้งบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท  พัฒนาพื้นที่ใช้งานร่วมกันระหว่างเครือข่ายบริษัทชั้นนำในอาคารสำนักงานทุกแห่งของ AWC เพื่อรองรับทำงานที่ผสานไลฟ์สไตล์ดิจิทัลเพื่อเชื่อมโยงประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์เข้าไว้ด้วยกันเป็นแห่งแรก บนพื้นที่ขนาด 1,500 ตารางเมตร ณ อาคารสำนักงานเอ็มไพร์ ย่านถนนสาทร   พร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเดือน ธ.ค.นี้  

“สำหรับ เอ-ยา รูฟท็อป (EA Rooftop) ร้านอาหารและเครื่องดื่มโซนดาดฟ้า ระดับลักซูรี มองเห็นวิวเมืองหลวงกรุงเทพฯแบบ360 องศา มีพื้นที่กว่า 8,460 ตารางเมตร บนชั้น 55 - 58 ซึ่งมีร้านอาหาร ‘Nobu’ แห่งแรกในไทย วางแผนเปิดให้บริการเร็วๆนี้ ซึ่งเป็นไปตามแผนให้ทันกับช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่2567 ที่จะมีนักเดินทาง นักท่องเที่ยวมาไทยเป็นจำนวนมากด้วย” วัลลภา กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังได้พัฒนา AWC Infinite Lifestyle ระบบลอยัลตี โปรแกรม ที่มอบสิทธิประโยชน์พิเศษสินค้า บริการต่างๆ ในโครงการของ AWC ทั้งโรงแรม, อาคารสำนักงาน, และคอมมูนิตี ชอปปิงมอลล์ เพื่อส่งเสริมดิจิทัลอีโคซิสเต็ม ในอาคารเอ็มไพร์อิย่างครบวงจร โดยในอนาคต AWC มีแผนพัฒนาพื้นทีโค-ลีฟวิงฯ พร้อมนำโปรแกรมดังกล่าวขยายต่อไปในอาคารสำนักงานอีก 3 แห่ง (แอทธินี ทาวเวอร์, อาคาร 208 แบงค๊อก และ อินเตอร์ลิ้งค์ ทาวเวอร์ บางนา) ในเครือ AWC

สำหรับตึกเอ็มไพร์ เป็นอาคารสำนักงานมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ สูง 58 ชั้น มีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท เปิดทำการตั้งแต่ปี 2542 มีสัดส่วนพื้นที่เช่าอาคารสำนักงานราว 1.58 แสนตร.ม. ปัจจุบันมีอัตราการเช่าสัดส่วนราว 70% ที่เป็นองค์กรธุรกิจในประเทศ และ ข้ามชาติ มีปริมาณหมุนเวียนรวมคนทั่วไปที่เข้าออกภายในอาคารเฉลี่ย 20,000 คนต่อวัน

ล่าสุด บริษัททูซีทูพี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการเทคโนโลยีการเงิน (FinTech) รายใหญ่ของสิงคโปร์ ได้ใข้พื้นที่ราว 3,000 ตร.ม.ในตึกเอ็มไพร์ เป็นสำนักงานในประเทศไทย รองรับจำนวนพนักงานกว่า 300 คน

TAGS: #AWC #2C2P #อสังหาริมทรัพย์ #ฟรีวีซาจีน #ท่องเที่ยว