หลังจากแกร๊บ ประเทศไทย ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลซูเปอร์แอป ได้เข้ามาบริการในไทยตั้งแต่ปี 2565 จากจุดเริ่มต้นบริการแกร็บแท็กซี่ ในปี 2556 ถึงปัจจุบันมีอายุครบ 10 ปีเต็ม
ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา แกร๊บ ได้พัฒนารูปแบบการให้บริการในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่องทั้งบริการเดลิเวอรี สั่งอาหาร ร้านค้า ส่งของ บริการเดินทาง บริการด้านการเงิน และอื่นๆ อาทิ ค้นหาจองโรงแรมที่พัก บัตรกำนัล รีวอร์ด แพ็คเกจสินค้าบริการฯลฯ ในรูปแบบซูเปอร์แอปเต็มตัว โดยมีผู้ใช้งานคนไทยเข้าไปใช้งานระบบ เป็นจำนวนมากทุกวัน
รวมไปถึงธุรกิจสื่อโฆษณา ที่แกร็บ ประเทศไทย ได้เข้ามาในอุตสาหกรรมนี้ครั้งแรกในปี 2561 เริ่มจากการนำเสนอสื่อโฆษณาภายในรถยนต์เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับ ก่อนขยายมาเป็นสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มเพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์ร้านค้าหรือแบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงผู้ใช้บริการในแอปพลิเคชันได้มากขึ้น
กระทั่งถูกพัฒนาจนกลายมาเป็นสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีกที่ครบวงจรภายใต้ชื่อ "GrabAds" ถึงในปัจจุบัน ซึ่งครอบคลุมช่องทางการโฆษณาทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์
จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพาณิชย์และการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในโลกออนไลน์หรือออฟไลน์ แต่มีการผสมผสานกันอย่างไร้รอยต่อ ทำให้นักโฆษณาและนักการตลาดต้องออกแบบกลยุทธ์การเข้าถึงผู้บริโภคให้สอดรับกับรูปแบบการใช้ชีวิต และสามารถเชื่อมโยงประสบการณ์บนโลกออนไลน์และออฟไลน์ของผู้บริโภคให้ได้อย่างลงตัว
หากเจาะไปที่ธุรกิจโฆษณาในปีที่ผ่านมา (2565) สื่อออนไลน์และออฟไลน์ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 ได้คลี่คลายลง
ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา1 สื่อออนไลน์ยังคงได้รับความนิยมและมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นถึง 5.6% ขณะที่เม็ดเงินโฆษณาในสื่อออฟไลน์ลดลง 1.9% จากการถดถอยของสื่อโทรทัศน์ ขณะที่สื่อนอกบ้าน (Outdoor & Transit media) มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด"
นอกเหนือจากสื่อโฆษณาหลักเหล่านี้แล้ว อีกหนึ่งรูปแบบของสื่อที่กำลังมาแรงในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมาคือ สื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีก (Retail Media Network) ซึ่งบริหารและให้บริการโดยผู้ประกอบการค้าปลีกหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ ถือเป็นช่องทางใหม่ที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้
ในขณะที่กำลังซื้อสินค้าออนไลน์หรือหน้าร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยจุดแข็งของการมีฐานข้อมูลที่มีคุณภาพ ทั้งในด้านพฤติกรรมการจับจ่าย ความชอบ และประวัติการซื้อสินค้าหรือใช้บริการ
ทั้งนี้ ในปี 2566 สื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีกถือเป็นสื่อที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับ 32 โดยถูกคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่ารวมทั่วทั้งโลกสูงถึง 125.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และจะสามารถทำรายได้รวมสูงกว่ารายได้จากสื่อโทรทัศน์ได้ภายในปี 2571
ขณะที่ ธุรกิจ GrabAds ในปัจจุบันยังครอบคลุมช่องทางการโฆษณาทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยล่าสุด GrabAds ติดอันดับหนึ่งในสามของสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ผู้บริโภคให้การตอบรับและมีความรู้สึกที่ดีต่อโฆษณา (Ad Equity) มากที่สุด3
สำหรับในประเทศไทย GrabAds เริ่มทำการตลาดอย่างจริงจังในช่วงสองปีที่ผ่านมา จนได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากแบรนด์ชั้นนำในกลุ่มธุรกิจต่างๆ เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารและเข้าถึงผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อและทรงอิทธิพลด้วย 3 จุดแข็งสำคัญ คือ
การเชื่อมโลกออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อ (Online-to-Offline Integration within Grab's Ecosystem): GrabAds นำเสนอโซลูชันด้านการตลาดที่ครบวงจร ตั้งแต่ การสร้างแบรนด์ไปจนถึงปิดการขายกับกลุ่มเป้าหมาย (Awareness to Conversion) ด้วยรูปแบบและกลไกของสื่อที่มีความหลากหลาย ทั้งบนแอปพลิเคชันออนไลน์ ทั้งตำแหน่ง Masthead Native Banner Search เป็นต้น
โดยที่ผู้ใช้บริการสามารถสั่งซื้อสินค้า และผ่านทางการให้บริการออฟไลน์ อาทิ สื่อโฆษณาบนรถโดยสาร หรือ กระเป๋าส่งของของพาร์ทเนอร์คนขับ ทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ตรงตามเป้าหมายที่ต้องการ
การจับกลุ่มลูกค้าคุณภาพที่มีกำลังซื้อ (Capturing High-Value Audience): กว่า 60% ของผู้ใช้บริการในประเทศไทยที่เปิดแอปพลิเคชันแกร็บมีการทำการใช้จ่ายบนแอปพลิเคชันในเดือนนั้น จึงทำให้อัตราการคลิกโฆษณา (Click Through Rate: CTR) สูงกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ในประเทศไทย ถึง 3 - 5 เท่า4 นอกจากนี้ จากการสำรวจของแกร็บ5 ยังพบว่า กว่า 77% ของผู้ใช้บริการไทยรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาอยู่บนแพลตฟอร์มแกร็บ
การเข้าถึงข้อมูลการใช้จ่ายจริงของผู้บริโภค (First-party Data Insights): ด้วยฐานข้อมูลคุณภาพ ที่รวบรวมพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงของผู้ใช้บริการบนแอปพลิเคชัน Grab ที่ครอบคลุมหลากหลายมิติของการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าใจอินไซต์และเจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
เช่น ไลฟ์สไตล์หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต อาทิ เมนูอาหารที่ชอบ ประเภทสินค้าที่สั่งเป็นประจำ สถานที่ที่มักเดินทางไปบ่อยๆ รวมถึงวิธีการเดินทาง
จันต์สุดา กล่าวว่า นอกจากลูกค้าในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ซึ่งถือเป็นกลุ่มหลักที่ให้ความสนใจและทุ่มงบโฆษณากับ GrabAds แล้ว เรายังพยายามขยายฐานลูกค้าไปในอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วย
โดยในปีนี้ แกร๊บ ยังเตรียมรุกใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Fast Moving Consumer Goods: FMCG) กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) และกลุ่มสถาบันการเงินและธนาคาร (Finance & Banking) ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตและใช้งบเพื่อทำการตลาดกับกลุ่มผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
“เชื่อว่า GrabAds จะเป็นเครื่องมือการตลาดอันทรงพลังที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ตรงเป้าหมายอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ" จันต์สุดา กล่าวทิ้งท้าย