แอสเซส ไฟว์ รีแบรนดิงรอบ 10 ปี สู่ '5A' ย้ำตำแหน่งชัดในตลาดอสังหาฯ เชื่อโครงการหรูยังไปได้ หากเศรษฐกิจ-นโยบายรัฐดี กำลังซื้อเศรษฐีตัวจริงกล้าจ่ายแน่ แผน3ปีเปิด 6 โครงการเป้ารายได้ 5 พันล.บาท
ศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า บริษัทปรับภาพลักณ์แบรนด์ครั้งใหญ่ภายใต้ชื่อเดียว (One Brand) คือ เอไฟว์ (A5) เพื่อสื่อสารถึงความใกล้ชิด ระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ หลังจากบริษัทเข้ามาทำตลาดเป็นเวลา 10 ปี พร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯราวปี 2560 ที่ผ่านมา
สำหรับการปรับภาพลักษณ์พร้อมโลโกใหม่ 'A5' ในครั้งนี้ บริษัทยังวางวิสัยทัศน์การขยายธุรกิจ (Diversify) ไปยังกลุ่มอื่นๆ นอกเหนือจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย เพื่อสร้างโอกาส และ รายได้ประจำใหม่ (Recuring Income) ที่จะเข้ามาในอนาคต
พร้อมวางแผนธุรกิจในระยะ3 ปี (2566-2569) เตรียมงบลงทุน1,000 ล้านบาท จัดหาที่ดิน เพื่อพัฒนาอย่างน้อย 6 โครงการอสังหาฯแนวราบทั้ง 3 แบรนด์ ประกอบด้วย
- CINQ Royal บ้านซูเปอร์ลักซูรี ระดับราคา 60 ล้านบาทขึ้นไป
- Vana Residence บ้านลักซูรี ระดับราคา 25-50 ล้านบาท
- รชยา บริษัทร่วมทุน (JV) กับบริษัทโลคอล บ้านกลาง-ล่าง ในต่างจังหวัด ระดับราคา 3.59 ล้านบาท
สำหรับแผนดำเนินงานปลายปี 2566 บริษัทฯ จะเปิดตัวโครงการ “วนา ราชพฤกษ์-เวสต์วิลล์” เริ่มต้น 25 ล้านบาท ด้วยจุดเด่นโครงการฯ อยู่ใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ราชพฤกษ์ ซึ่งศูนย์ฯดังกล่าว เตรียมแผนเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้ และคาดว่าจะเริ่มรับรู้การโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2566 ประมาณ 200 ล้านบาท
สำหรับปีนี้ บริษัทฯ วางเป้ารายได้ 1,600 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์จากแบรนด์ CINQ Royal 1,400 ล้านบาท และแบรนด์ Vana Residence 200 ล้านบาท โดยเมื่อกลางปีที่ผ่านมามียอดโอนในมือแล้ว 660 ล้านบาท และมี Back Log ในมือ 2,300-2,400 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากเป้าหมาย 3 ปี (พ.ศ.2567-2569) ตั้งเป้ารายได้ 5,000 ล้านบาท โดยวางงบลงทุนด้านที่ดินรวมไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ผ่านการเปิด 6 โครงการ แบ่งเป็น ปี 2567 จะเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 6,700 ล้านบาท แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 2 โครงการคือ CINQ 2 กับ VANA 3 และมีอีกหนึ่งโครงการที่ รชยา จังหวัดอุดรธานี
ศุภโชค กล่าวว่าแนวทางการพัฒนาโครงการฯ ‘A5“ วางตำแหน่งในระดับ (Segment) ระดับหรู ด้วยแนวคิดสร้างการเติบโตของสินค้าควบคู่ไปกับการสร้างความความภูมิใจให้กับผู้อยู่อาศัย ด้วยความเป็นส่วนตัวแต่ละโครงการฯมีจำนวนไม่เกิน 50 ยูนิต เน้นทำเลกลางเมืองอยู่ไม่ห่างจากศูนย์กลางเมืองในแต่ละทำเลพัฒนา เช่น สุขุมวิท ห้าแยกลาดพร้าว สยาม เป็นต้น ใช้ระยะเวลาเดินทางไม่เกิน 30 นาที รวมถึงแบบบ้านที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างไปจากรายอื่น
“เรามองว่ากำลังซื้อระดับบนยังมีความต้องการจริง แม้ปัจจุบันจะมีโปรดักส์ในกลุ่มนี้ออกมาทำตลาดจากผู้พัฒนารายต่างๆ ด้วยเชื่อว่ากลุ่มเศรษฐีตัวจริงยังมั่นใจ กล้าที่จะจับจ่ายซื้อสินค้าหากเศรษฐกิจดีและนโยบายรัฐภาครัออกมาปัง” ศุภโชค กล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังการรีแบรนด์ A5 ยังวางเป้าหมายสร้างรายได้ยอดขาย 5,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี หรือในปี 2569
ศุภโชค กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ของรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เคยเป็นอดีตผู้บริหารในภาคอสังหาฯมาก่อน นั้นเห็นว่า ควรเร่ง 2 ประเด็น คือ 1.สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค และ 2.ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น และ 2. การผ่อนคลายมาตรการ LTV เพื่อให้ผู้บริโภคมีเงินเหลือจากการต้องนำเงินมาจ่ายเงินดาวน์เพิ่ม
สำหรับการเปิดให้คนต่างชาติ เข้ามาซื้อบ้านแนวราบนั้นควรมีเกณฑ์ชัดเจนและรัดกุม เพื่อดึงกลุ่มทุนขาวสะอาดเข้ามา และสร้างเศรษฐกิจให้ไทยได้จริง เพราะหวั่นกลุ่มจีนเทา โดยรัฐอาจดำเนินวิธีการเช่าซื้อระยะเวลา 30 ปี และบวกต่อได้อีก 30 ปี หรือ 30 ปี บวกได้เพิ่มมากกว่า 30 ปี เป็นต้น