รมว.พาณิชย์ เข้าทำงานวันแรกมอบ 7 นโยบายข้าราชการ ลั่นราคาสินค้าต้องลดเมื่อรัฐบาลช่วยลดต้นทุนการผลิต นัดถกผู้ผลิตรายใหญ่สัปดาห์หน้า
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังหารือกับข้าราชการระดับสูงว่า นโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ คือ การดูแลราคาสินค้าให้กับประชาชน ซึ่งภายหลังคณะรัฐมนตรี ได้ออกมาตรการลดค่าไฟฟ้า และราคาน้ำมันแล้วจะมีผลต่อต้นทุนการผลิตสินค้าที่ควรจะปรับลดลงตามไปด้วย
ทั้งนี้ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน ไปหารือกับผู้ผลิตสินค้าในรายละเอียด เพื่อให้เป็นรูปธรรมชัดเจนภายใน 15 วัน และสามารถลดราคาได้ทันภายในต้นเดือนตุลาคม ทันเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์หน้า ได้เชิญผู้ประกอบการรายใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน มาพูดคุยรับฟังข้อมูลเพื่อร่วมกันทำงานแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน
สำหรับนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ที่ทำภายใน 6 เดือนนั้น ได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาทบทวนงานในส่วนที่รับผิดชอบ เพื่อรองรับการขับเคลื่อนนโยบายนี้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนได้อย่างไร เพราะเกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะข้อกังวลเรื่องการใช้จ่ายในระยะ 4 กม. ที่จะกระทบกับประชาชน โดยจะต้องหาวิธีในการกระจายสินค้า หรือ เพิ่มแหล่งให้ประชาชนได้ซื้อสินค้า
ทั้งนี้ ได้มอบนโยบายสำคัญ 7 เรื่องที่ต้องเร่งดูแล คือ 1. นโยบาย “ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” เน้นการรดน้ำที่รากดูแลคนตัวเล็ก ซึ่งเป็นการดูแลภาระค่าครองชีพโดยเพิ่มทางเลือกในการบริโภคและกระจายสินค้าที่มีคุณภาพ ราคาเป็นธรรมเน้นให้บริโภคสินค้า/ร้านค้าที่อยู่ในชุมชน (เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง)
2. บริหารให้เกิดความสมดุล ระหว่างประชาชนผู้บริโภค เกษตรกรผู้ผลิต และผู้ประกอบการภาคธุรกิจ ให้ทุกฝ่ายสามารถดำรงชีวิต ดำเนินธุรกิจ ไปได้ เช่น บริหารจัดการสินค้าเกษตรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ (ล้นตลาดและขาดตลาด) โดยสร้างหลักประกันว่าผลผลิตต้องขายได้ในราคาที่เหมาะสมมีการจัดช่องทางการจำหน่ายและกระจายผลผลิตที่มีประสิทธิภาพรองรับ
3. การทำงานเชิงรุกและบูรณาการการทำงานร่วมกัน ของ พาณิชย์จังหวัด และ ทูตพาณิชย์ วางแผนยุทธศาสตร์หรือแผนบริหารจัดการสินค้าอย่างครบวงจรร่วมกัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อ “รักษาตลาดเดิม เสริมตลาดใหม่”
4. แก้ไขข้อจำกัดของกฎหมายเก่าที่ล้าสมัยเป็นอุปสรรคทางการค้าเพื่อสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ
5. ร่วมขับเคลื่อนนโยบาย Digital wallet ให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเชื่อมโยงฐานข้อมูลช่องทางการตลาดที่กระทรวงพาณิชย์ส่งเสริม เช่น ร้านค้าธงฟ้า ร้านอาหารธงฟ้า ตลาดต้องชม Farm Outlet หมู่บ้านทำมาค้าขาย เพื่อให้การใช้งาน Digital wallet ของประชาชนในพื้นที่ไม่เกิน 4 กม. สะดวกมากยิ่งขึ้น
6. เร่งขยับตัวเลขการส่งออก เปลี่ยนจากติดลบให้เป็นบวก สร้างกระแส/ใช้ประโยชน์จาก Soft power ของไทย และสร้าง Story ให้กับให้สินค้าและบริการไทยเชื่อมโยงกับภาคบริการ เช่น ร้านอาหาร วัฒนธรรม ภาพยนตร์ แอนิเมชั่นและการท่องเที่ยว
7. ผลักดันให้มีการใช้ประโยชน์จาก FTA รวมทั้ง การปรับตัวเพื่อรองรับ และส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยในมาตรฐานความยั่งยืนที่เป็นกรอบกติกาใหม่ของโลก
ด้านนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์กล่าวว่า กรมการค้าภายใน จะไปถอดต้นทุนการผลิตสินค้าในส่วนของต้นทุนค่าไฟฟ้า และน้ำมัน โดยเฉพาะน้ำมันที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับค่าขนส่ง ที่เป็นต้นทุนส่วนหนึ่งเฉลี่ยประมาณ 30-40% ของสินค้าว่าลดลงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะพิจารณาแล้วเสร็จภายใน 15 วัน และจะเริ่มลดราคาได้ทันทีในเดือนตุลาคมนี้ โดยหลังจากประกาศการลดราคาแล้ว ก็จะต้องควบคุมให้การขายให้เป็นไปตามราคาที่ประกาศ
ส่วนการดูแลราคาสินค้าเกษตร นโยบายเดิมๆ โดยเฉพาะจำนำข้าว ไม่มีนโยบายที่จะดำเนินการ ส่วนการประกันราคา ก็ถือว่าใช้เม็ดเงินจำนวนมาก ซึ่งเบื้องต้นกระทรวงพาณิชย์ มีนโยบายเสริม ใช้กลไกการรวบรวมสินค้าเกษตรที่ล้นตลาดในแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้กลไกตลาดเดินหน้าไปตามปกติ โดยไม่ต้องอุดหนุน ซึ่งนโยบายการประกันราคา จะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะใช้หากมีความจำเป็น.