‘ดร.ยุ้ย เกษรา’ รอประเมินนโยบายเศรษฐา1 หวังเร่งสร้างกำลังซื้อที่อยู่อาศัย ปลดล็อกปัจจัยเสี่ยงดอกเบี้ย รายได้ และหนี้ครัวเรือน วางแผนปี'67ปรับกลยุทธ์ดึงนวัตกรรมทางการเงินเจาะตลาดลูกค้าที่อยู่อาศัย
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน ) หรือ SENA เปิดเผยถึงภายหลังที่รัฐบาลได้เข้ามาบริหารประเทศอย่างเป็นทางการว่า ในส่วนการเดินหน้าของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะได้รับผลในด้านบวกจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ที่มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจของกำลังซื้อที่จะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ต้องดูที่ภาระหนี้ของครัวเรือน อัตราดอกเบี้ย และเงินกู้เป็นองค์ประกอบด้วยเช่นกัน บนพื้นฐานที่เชื่อว่ทุกคนอยากเป็นเจ้าของในที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังซื้อก็ยังลดลงอยู่ เป็นผลมาจากความสามารถในการสร้างรายได้ไม่เพียงพอต่อภาระต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการซื้ออสังหาฯ ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย
ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยในเรื่องของราคาที่อยู่อาศัยโตเกินกว่ารายได้ และยังต้องเผชิญกับภาวะดอกเบี้ยที่สูงกว่าความสามารถในการชำระหนี้ที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว ดังนั้นต้องดูปัจจัยเหล่านี้เป็นองค์ประกอบในทิศทางการเติบโตของอสังหาฯ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยของไทยมีทิศทางขาลง แต่ต้องพิจารณาต่อเนื่องไปยังแผนการกระตุ้นให้เกิดการสร้างรายได้ของประชาชนด้วย ดังนั้นการมีรัฐบาลใหม่จะเป็นจุดเริ่มต้นต่อการสร้างความมั่นใจมากขึ้น ต่อนโยบายที่รัฐบาลจะมาช่วยผลักดันและกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งนอกจากสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นในระบบแล้ว ยังมีผลต่อการลงทุนในระยะยาว ซึ่งต้องใช้เวลาของผลที่เกิดขึ้นจากการใช้มาตราการกระตุ้นในรูปแบบต่างๆ ของรัฐบาล ยกเว้นแต่ว่ารัฐบาลมีนโยบาย หรือมาตรการกระตุ้นระยะสั้นประกาศใช้ออกมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดภาษี หรือการอุดหนุน (Subsidy) ที่จะมาช่วยให้เกิดกำลังซื้อที่อยู่อาศัยได้เช่นกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้คงเป็นผลทางบวกในระยะสั้นเท่านั้น
หากรัฐบาลต้องการให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระยะยาว คงต้องมีกลไก (Mechanism) ในเรื่องมาตรการดูแลด้านภาระหนี้ในระยะ 30 ปี โดยเฉพาะเรื่องภาระดอกเบี้ย ไม่ว่าจะเป็นการคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ ไม่มีการลอยตัว จะเป็นได้หรือไม่ เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาระยะยาวได้
สำหรับทิศทางของอสังหาฯในปี 2567 เสนาฯ ได้วางแผนพัฒนาธุรกิจ ไม่ใช่เพียงแค่การขายอสังหาฯอย่างเดียว โดยจะเริ่มปรับกลยุทธ์ใหม่ๆให้สอดคล้องกับเทรนด์ ของความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยที่ยากขึ้น โดยพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในรูปแบบอื่นๆ เพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคที่มีความสามารถในการเป็นเจ้าของลดลง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการทำโครงการ
“ในปีหน้าคงต้องหาแนวทางการเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาอสังหาฯ เพื่อการขาย มาเป็นรูปแบบใหม่ โดยมีอินโนเวชั่นทางการเงินมากขึ้น เรื่องนี้กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับสถาบันในการดำเนินการตามแผนกลยุทธ์การพัฒนาธุรกิจของเสนาฯ”
ส่วนนโยบายรัฐบาลที่สำคัญอีกเรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับการลดภาระต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ โดยการประกาศลดราคาดีเซล มีผลต่อค่าขนส่งให้ลดลง เชื่อว่าเป็นผลต่อราคาสินค้าให้ลดลงมาในระยะหนึ่ง แต่ในเรื่องค่าแรงที่ทุกคนคาดว่าจะปรับขึ้น ซึ่งในส่วนผู้ประกอบการทุกเซกเตอร์ รวมถึงเซกเตอร์ในระบบซัพพลายเชนของอสังหาฯ ต้องมาคำนวณดูเหมือนกันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ได้ส่งผลให้ราคาสินค้าลดลง ซึ่งปัจจุบันค่าแรงของอสังหาฯ มีการคาดการณ์แล้วว่าค่าแรงจะปรับขึ้น ดังนั้นการปรับค่าแรงขั้นต่ำนั้นจะส่งผลไปยังตลาดแรงงานทุกพื้นที่อยู่แล้ว