จับตาราคาน้ำมันโลกผันผวนปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน หวั่นปริมาณตึงตัว  

จับตาราคาน้ำมันโลกผันผวนปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน หวั่นปริมาณตึงตัว  
สนพ.ห่วงน้ำมันดิบตลาดโลกผันผวนจากอุปทานน้ำมันดิบทั่วโลกมีแนวโน้มตึงตัว หลังซาอุฯ-รัสเซียลดการผลิต ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าดันต้นทุนน้ำมันสำเร็จรูปพุ่ง

นายวัฒนพงษ์  คุโรวาท  ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)  เปิดเผยว่า สนพ.ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มผันผวน จากความกังวลว่าอุปทานน้ำมันโลกจะเผชิญภาวะตึงตัวต่อเนื่องหลังซาอุดิอารเบีย ขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิต และรัสเซียขยายเวลาปรับลดการส่งออกน้ำมันไปจนถึงช่วงสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ตลาดยังคงมีความกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจของยุโรปที่มีแนวโน้มชะลอตัวหลังคณะกรรมาธิการยุโรปปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของยูโรโซน ในปี 2566 มาอยู่ที่ 0.8% โดยชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อในยุโรปยังอยู่ในระดับสูง

ขณะเดียวกันยังต้องจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่ง Reuters Polls คาด ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ อีก 0.25% จากระดับปัจจุบัน มาอยู่ที่ 4.00% เพื่อชะลออัตราเงินเฟ้อให้มาอยู่ที่เป้าหมายที่ 2%

อย่างไรก็ตามภาพรวมสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก (วันที่ 4 - 10 กันยายน 2566) ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์     เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 90.37 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 87.15 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 3.69 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 4.70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ เนื่องจากความกังวลต่ออุปทานตึงตัว หลังซาอุดีอาระเบียขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมที่ 1.0 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึงสิ้นปี ด้านรัสเซียปรับลดการส่งออกลง 0.3 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึงสิ้นปีเช่นกัน

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นท่ามกลางความกังวลต่ออุปทานจากการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของโรงกลั่นในสหรัฐฯ

ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 กันยายน 2566 ปรับลดลง 6.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 416.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งปรับลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 5.6 ล้านบาร์เรล

สำหรับราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดภูมิภาคเอเชีย ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และ 91 (Non-Oxy) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 109.10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 103.35 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 106.33 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทรงตัวจากสัปดาห์ที่แล้ว

ส่วนราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ121.78 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล  ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.46 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล  โดยตลาดคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันดีเซลทั่วโลกอาจปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 500,000 บาร์เรล/วัน ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ จากฐานตัวเลขอุปสงค์ของกลุ่มประเทศซีกโลกเหนือและจีน ซึ่งอยู่ในระดับต่ำเมื่อปีที่แล้ว

นายวัฒนพงษ์ กล่าวว่า ค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.34 บาท/เหรียญสหรัฐฯ ที่ระดับเฉลี่ย 35.5853 บาท/เหรียญสหรัฐฯ ทำให้ต้นทุนน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.23 บาท/ลิตร และต้นทุนน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.36 บาท/ลิตร ส่งผลต่อค่าการตลาดเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของน้ำมันกลุ่มเบนซิน และน้ำมันดีเซล อยู่ที่ระดับ 2.28 บาท/ลิตร

อย่างไรก็ตามหากเทียบราคาน้ำมันเฉลี่ยในอาเซียน ประจำวันที่ 25 ก.ย. 2566 ราคาขายน้ำมันแต่ละประเทศ มีปัจจัยทางด้านราคาที่ต่างกัน โดยบางประเทศมีมาตรการภาษี และระบบการเก็บเงินเข้ากองทุนหรืออุดหนุนราคาพลังงานที่แตกต่างกัน ขณะที่ไทยยังสนับสนุนการใช้แก๊สโซฮอล์ โดยการอุดหนุนราคา จึงทำให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ถูกกว่าเบนซิน  ซึ่งราคาน้ำมันในไทยวันนี้(25ก.ย.)ดีเซลอยู่ที่ 29.94 บาทต่อลิตร ถูกกว่าราคาน้ำมันในเวียดนามมีราคาอยู่ที่ 35.08 บาท  ลาวอยู่ที่ 37.80 บาท  ส่วนเบนซินราคาอยู่ที่ 39.95 บาท ถูกกว่าพม่า ลาว และกัมพูชา

สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 17 ก.ย. 2566 กองทุนน้ำมันฯ มีสินทรัพย์รวม 41,410 ล้านบาท หนี้สินกองทุนฯ 103,051 ล้านบาท  โดยมีฐานะสุทธิติดลบ 61,641 ล้านบาทแยกเป็นบัญชีน้ำมัน 16,902 ล้านบาท บัญชีก๊าซแอลพีจี 44,739 ล้านบาท 

นอกจากนี้ สนพ. ยังได้ติดสถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว ในตลาดจร หรือ Spot LNG ช่วงระหว่างวันที่ 4 - 8 ก.ย. 2566 พบว่า ราคา Spot LNG เฉลี่ยในสัปดาห์นี้ ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อน 0.202 เหรียญสหรัฐฯ/ล้านบีทียู มาอยู่ที่ระดับ 12.961 เหรียญสหรัฐฯ/ล้านบีทียู เนื่องจากความต้องการ LNG ในตลาดยังคงซบเซา โดยเฉพาะผู้ซื้อรายใหญ่ในภูมิภาคเอเชียเหนือ ที่ปริมาณ LNG Inventory คงเหลือยังคงสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา แม้ความต้องการใช้จะเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดอย่างต่อเนื่อง   

รวมทั้งปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติใน storage ของยุโรป อยู่ที่ร้อยละ 93.7 ของความจุ ซึ่งสูงกว่าข้อกำหนดของ European Commissions ที่กำหนดให้ประเทศในยุโรปต้องสำรองก๊าซธรรมชาติอย่างน้อยร้อยละ 90 ของความจุ ภายในวันที่ 1 พ.ย. 2566

 

 

TAGS: #ราคาน้ำมันดิบ #ดูไบ #ดีเซล