เทรนด์ย้ายฐานผลิตต่างชาติ โอกาสไทย ‘ฮับ’ ระดับภูมิภาค WHA ดัน4 ธุรกิจขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

เทรนด์ย้ายฐานผลิตต่างชาติ  โอกาสไทย ‘ฮับ’ ระดับภูมิภาค  WHA ดัน4 ธุรกิจขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
‘WHA‘ มั่นใจศักยภาพไทย ‘ฮับ’ฐานผลิตจากทุนต่างชาติหนีขัดแย้งภูมิศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ ขานรับการทำงานรัฐบาลใหม่ เรียกมั่นใจบิ๊กเทคฯ คอมปะนี โลก มองไทย

จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรทมการีบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group ผู้ดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรระดับภูมิภาค เปิดเผยว่าปัจจุบัน WHA ดำเนินการครบรอบ 20 ปี  

พร้อมนำองค์กรไปสู่พันธกิจ WHA: WE SHAPE THE FUTURE  ให้สอดคล้องกับระบบเนิวศ (Eco System)ใน4 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และ ดิจิทัลโซลูชันส์  มุ่งสร้างความเจริญ อาชีพ และรายได้ให้กับผู้คนและสังคมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สู่เป้าหมายสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทย

ขณะเดียวกัน WHA ยังสานต่อภารกิจ “Mission To The Sun” ประกอบด้วย 9 โครงการ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ สู่การยกระดับการพัฒนาองค์กร และบุคลากรของบริษัทฯ เพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัททางด้านเทคโนโลยี (Technology Company) ในปี 2567

โดยขณะนี้ มี 3 โครงการที่มีความคืบหน้าอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม นั่นคือ

  • โครงการ Green Logistics การนำเทคโนโลยีสีเขียว มาปรับใช้กับกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ ทั้ง การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในการขนส่งสินค้า สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นแหล่งพลังงานของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นศูนย์กลางในการควบคุมการดำเนินงานของยานยนต์ไฟฟ้า ฯลฯ เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศในระยะยาว
  • โครงการ Digital Health Tech  พัฒนาแอปพลิเคชัน WHAbit ซึ่งเป็นเครื่องมือดูแลด้านสุขภาพผ่านระบบดิจิทัลที่ช่วยให้ผู้สมัคร ใช้บริการ สามารถจัดการสุขภาพแบบองค์รวมได้ง่ายขึ้น อาทิ โรงพยาบาลสมิติเวช ในการนำเสนอบริการต่าง ๆ
  • โครงการ Circular การรวบรวมแนวคิดจากแต่ละกลุ่มธุรกิจ เพื่อส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน จากการหมุนเวียนใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในระบบนิเวศของบริษัทฯ หรือ อาจเกิดเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ ได้ อาทิ  การจัดการขยะอุตสาหกรรมของโรงงานนึงเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบของโรงงานอื่น หรือเพื่อป้อนให้กับโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม เป็นต้น

ครึ่งแรกปี66 โตทั้งรายได้/กำไร

จรีพร กล่าวถึงผลดำเนินงาน WHA Group ในช่วงครึ่งแรdปี 2566 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรกว่า  5,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% และกำไรสุทธิ 1,390 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า มาจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจทั้ง 4 กลุ่ม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมที่มีผลประกอบการที่ดีเหนือความคาดหมาย ส่งผลให้บริษัทฯ ปรับเพิ่มเป้าหมายการดำเนินงานของสิ้นปี 2566 ให้สูงขึ้นจากที่กำหนดไว้ก่อนหน้าในช่วงต้นปี

โฟกัสอุตฯเติบโตสูง

ด้านธุรกิจโลจิสติกส์ มุ่งขยายการเติบโตให้ครอบคลุมทำเลยุทธศาสตร์สำคัญในประเทศ และแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในประเทศเวียดนาม โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า อีคอมเมิร์ซ  และอุตสาหกรรมที่เป็น New S-curve

นอกจากนี้ยังส่งเสริมการสร้างพันธมิตรในระยะยาว พร้อมนำนวัตกรรมทางด้านดิจิทัลและแนวปฏิบัติเพื่อความยั่งยืนเข้ามาใช้ทั้งระบบ ตั้งแต่โครงการ Green Logistics โครงการอาคารสีเขียว

โดยตั้งเป้าสิ้นปี 2566 จะมีการลงนามสัญญาเช่าโครงการใหม่รวม 200,000 ตารางเมตร และมีสินทรัพย์ภายใต้กรรมสิทธิ์และการบริหารรวมทั้งสิ้น 2,900,000 ตารางเมตร

ขณะที่ Office Solutions บริษัทฯ เตรียมขยายโครงการอาคารสำนักงานบนทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 5 โครงการ บนพื้นที่รวมมากกว่า 120,000 ตารางเมตร และเริ่มขยายสู่โครงการพาณิชยกรรมรูปแบบใหม่ ๆ อย่างไลฟ์สไตล์รีเทลสเปซ พื้นที่ 3,000 ตารางเมตร ใกล้สถานีบีทีเอสสุรศักดิ์ ถนนสาทร พร้อมเปิดช่วงต้นปี 2567 และโครงการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางในย่านสาทร พื้นที่กว่า 6,900 ตารางเมตร ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง

ปรับเป้าใหม่ยอดขายที่ดิน

สำหรับธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม  มุ่งรักษาความเป็นผู้นำในประเทศไทยและขยายธุรกิจในเวียดนามให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และมุ่งเน้นการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์อัจฉริยะ (Smart ECO Industrial Estate) และโครงการอุตสาหกรรมมูลค่าสูง ปัจจุบันมีนิคมอุตสาหกรรม 13 แห่งในประเทศไทยและเวียดนาม คิดเป็นพื้นที่รวม 71,300 ไร่

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่อีก 1 แห่ง และส่วนขยายโครงการนิคมอุตสาหกรรมอีก 3 แห่งในประเทศไทย รวมพื้นที่ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา 5,700 ไร่

สำหรับในประเทศเวียดนาม เร่งการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเหงะอาน เฟส 2 ที่มีพื้นที่รวมกว่า 2,215 ไร่ ให้ทันกับความต้องการของลูกค้า ส่วนนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่อีก 2 แห่งอยู่ในกระบวนการขอใบอนุญาตลงทุน

“ผลจากกระแสการย้ายฐานการผลิต บริษัทฯ จึงได้ปรับเป้ายอดขายที่ดินรวมทั้งในประเทศไทยและเวียดนามสำหรับปี 2566 จาก 1,750 ไร่ ที่เคยประกาศไว้เมื่อต้นปี เป็น 2,750 ไร่” จรีพร กล่าว

ขยายผลิตภัณฑ์-ตลาดใหม่

ขณะที่ธุรกิจสาธารณูปโภค น้ำ ยังคงเติบโตไปพร้อมกับกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงผลิตน้ำอุตสาหกรรมและบำบัดน้ำเสียแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง ซึ่งมีกำลังการผลิตน้ำ 3 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และบำบัดน้ำ 1.9  ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในไตรมาส 4 ปี 2566 นี้

นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการเพิ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชันให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนหาโอกาสการขยายตลาดสู่ลูกค้าภายนอกนิคม โดยล่าสุดมีการลงนามในสัญญาการซื้อขายน้ำเพื่ออุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) ให้กับลูกค้า 2 รายในนิคมอุตสาหกรรม WHA ESIE4 คิดเป็นปริมาณน้ำรวม 4.6 ล้านลูกบาศก์เมตร ตั้งเป้าสิ้นปี 2566 จะมีปริมาณยอดจำหน่ายน้ำอุตสาหกรรม น้ำมูลค่าเพิ่ม และปริมาณการบำบัดน้ำเสียในประเทศไทยและเวียดนามรวมทั้งหมด 168 ล้านลูกบาศก์เมตร

สำหรับธุรกิจไฟฟ้า บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม และขยายสู่ตลาดใหม่ในประเทศอื่น ๆ ควบคู่กับการนำนวัตกรรมและความยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ

พร้อมทั้งการหาโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจเพื่อสร้าง New S-Curve อาทิ ระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่ (BESS : Battery Energy Storage Systems) ไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) การซื้อขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) และเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage : CCUS)

โดยวางเป้าหมายปี 2566 บริษัทฯ จะมีการเซ็นสัญญาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) เพิ่มเติมหลายโครงการและคาดว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 192 เมกะวัตต์ โดยมีเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมจากโครงการพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) รวมทั้งสิ้น 300เมกะวัตต์ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นจะอยู่ที่ 847 เมกะวัตต์

ด้านธุรกิจดิจิทัล เตรียมโครงการการทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัลภายในองค์กร ช่วยเพิ่มศักยภาพการขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจของ WHA Group ให้เดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง และมุ่งสร้างพันธมิตรใหม่ ๆ ในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี

โอกาสไทยฮับการผลิตภูมิภาค

จรีพร กล่าวอีกว่า WHA ยังมองเห็นโอกาสจากศักยภาพของประเทศไทย สู่การเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ฐานการผลิตสินค้าสำคัญจากกลุ่มประเทศตะวันตก ที่นักลงทุนต่างชาติเตรียมแนวทางการขยายฐานการผลิตสินค้าในบางประเทศที่มีปัญหาด้านภูมิศาตร์จากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ

ทั้งนี้จากการบริหารประเทศไทยภายใต้รัฐบาลชุดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มองว่าเป็นเรื่องดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยเพื่อดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศให้กลับมายังไทย ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก โครงสร้างพื้นฐานของนิคมอุตสาหกรรม นอกเหนือจากแผนกระตุ้นและส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (18-24 ก.ย.2566) ตนเองยังเป็นหนึ่งในนักธุรกิจไทยที่เข้าร่วมเดินทางโรดโชว์นักลงทุนใหญ่ ณ สหรัฐอเมริกา

“คณะรัฐบาลและนักธุรกิจไทยได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับบิ๊ก เทคโนโลยีระดับโลกรายใหญ่ ซึ่งต่างก็มองประเทศไทย ถึงความเป็นไปได้ในการเป็นฐานการผลิตระดับภูมิภาค” จรีพร กล่าว

ปี66 เป้าโต10%

สำหรับในปี2567 WHA เตรียมงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 7,000 ล้านในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมทั้งการจัดซื้อที่ดินและใช้เพื่อการบริหารจัดการในไทย และในเวียดนาม ส่วนงบฯที่เหลือจะกระจายไปยัง3 กลุ่มธุรกิจที่เหลือ โดยงบฯดังกล่าว มาจากงบลงทุนรวมใน 5 ปี(2566-2570)อยู่ที่ 68,500 ล้านบาท

จากในปีนี้ (2566) ใช้งบลงทุนราว 13,300 ล้านบาท แบ่งเป็น โลจิสติกส์ 4,400 ล้านบาท นิคมอุตสาหกรรม 5,400 ล้านบาท สาธารณูปโภคและพลังงาน 3,300 ล้านบาท และ ดิจิทัลโซลูชันส์  200 ล้านบาท

โดยภายในปี 2566 WHA คาดธุรกิจมีอัตราเติบโต 10% เทียบปี2565 ที่ผ่านมา มาจากธุรกิจโลจิสติกส์ 22% นิคมอุตสาหกรรม 54% สาธารณูปโภคและพลังงาน 23% และ ดิจิทัล 1%

 

TAGS: #WHA #ดับบลิวเอชเอกรุ๊ป