ส.อ.ท.ให้คะแนนนโยบายรัฐบาลใหม่“ปานกลาง”มุ่งขับเคลื่อนเป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุด

ส.อ.ท.ให้คะแนนนโยบายรัฐบาลใหม่“ปานกลาง”มุ่งขับเคลื่อนเป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุด
โพล์ส.อ.ท.ให้คะแนนนโยบายรัฐบาลใหม่“ปานกลาง” หวังเร่งลดราคาพลังงานมากขึ้น ส่งเสรมพลังงานสะอาด แก้กฎหมายที่ไม่จำเป็น

นายมนตรี  มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 33 ในเดือนกันยายน 2566 ภายใต้หัวข้อ “นโยบายรัฐบาลใหม่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมแค่ไหน” โดยผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า จากการแถลงนโยบายรัฐบาลใหม่ของ  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ระหว่างวันที่ 11 – 12 กันยายน 2566 ที่ผ่านมานั้น มีนโยบายหลายเรื่องที่น่าสนใจและจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม หากภาครัฐสามารถนำไปขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้จากผลการสำรวจคณะกรรมการ ส.อ.ท. ส่วนใหญ่คิดว่านโยบายของรัฐใหม่สามารถตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมได้ในระดับปานกลาง เนื่องจากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการบ้านหลายเรื่องที่ภาครัฐจะต้องเข้ามาดูแลให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SME ที่ยังไม่สามารถฟื้นตัว

อย่างไรก็ตาม ในรายละเอียดนโยบายของรัฐบาลใหม่ มีหลายเรื่องที่ ส.อ.ท. ให้ความสนใจและมองว่าจะสร้างผลกระทบต่อการขับเคลื่อนประเทศในด้านต่างๆ ได้ อาทิ ในส่วนของมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ ส.อ.ท. ให้ความสำคัญกับมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชนและปรับโครงสร้างการใช้พลังงานของประเทศ เป็นลำดับแรก

ส่วนนโยบายด้านเศรษฐกิจ ส.อ.ท. ให้ความสำคัญกับการยกเลิกและปรับปรุงกฎหมายที่ไม่จำเป็น เพื่อสร้างโอกาสให้กับประชาชนในการสร้างรายได้ เป็นลำดับแรก ขณะที่นโยบายที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการวิจัย พัฒนาพันธุ์เพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มมูลค่าภาคการเกษตร

ส่วนของนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ส.อ.ท. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาด เป็นลำดับแรก ซึ่งนโยบายเหล่านี้เป็นนโยบายที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อสร้างรากฐานที่ดีในการพัฒนาประเทศในระยะถัดไป

นอกจากนี้ เมื่อถามถึงนโยบายที่ ส.อ.ท. ให้ความสำคัญในการดูแลแรงงาน พบว่า ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานให้ครบทุกสาขาอาชีพ เพื่อให้สามารถจ่ายค่าจ้างได้ตามความสามารถของแรงงาน (Pay by Skills) ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ลูกจ้างได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้นตามความสามารถ และในส่วนของผู้ประกอบการเองก็ได้ประโยชน์จากประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นด้วย

สำหรับการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 290 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 33 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้

1.  นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ ที่ภาคอุตสาหกรรมคิดว่ามีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ (Multiple choices)

อันดับที่ 1 : ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน    85.9%   และปรับโครงสร้างการใช้พลังงานของประเทศ  

อันดับที่ 2 : แก้ปัญหาหนี้สินทั้งในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน     57.6%

อันดับที่ 3 : ผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว อาทิ Free Visa    52.1%

อันดับที่ 4 : นโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet      27.2%

2.  นโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ที่ ภาคอุตสาหกรรมคิดว่ามีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (Multiple choices) 

อันดับที่ 1 : ยกเลิกและปรับปรุงกฎหมายที่ไม่จำเป็น เพื่อสร้างโอกาส 72.8%ให้กับประชาชนในการสร้างรายได้     

อันดับที่ 2 : การทูตเศรษฐกิจเชิงรุกเพื่อเปิดประตูการค้าสู่ตลาดใหม่ๆ 53.4%  และเร่งการเจรจากรอบความร่วมมือเขตการค้าเสรี (FTA)

อันดับที่ 3 : พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง 51.0% และอุตสาหกรรมสีเขียว

อันดับที่ 4 : ปรับปรุงกระบวนการ พิจารณาอนุมัติโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุน46.6% ผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

3. นโยบายส่งเสริมการเกษตรของรัฐบาลใหม่ ที่ภาคอุตสาหกรรมท่านคิดว่าจะช่วยยกระดับภาคการเกษตร (Multiple choices)

อันดับที่ 1 : วิจัย พัฒนาพันธุ์ เพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มมูลค่าผลตอบแทนต่อไร่ 65.9% ให้สูงขึ้น รวมทั้งการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น

อันดับที่ 2 : บูรณาการองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ 61.7%

อันดับที่ 3 : สร้างรายได้ในภาคการเกษตรโดยใช้หลักการตลาดนำนวัตกรรมเสริม 59.3%

อันดับที่ 4 : สนับสนุนให้เปลี่ยนแปลงการปลูกพืชให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม  55.2% ทางธรรมชาติและเศรษฐกิจ

4.นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลใหม่ ที่ภาคอุตสาหกรรมคิดว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม (Multiple choices)

อันดับที่ 1: ส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน 67.2%

อันดับที่ 2 : วางแผนรับมือและป้องกันวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 60.0%

อันดับที่ 3 : ส่งเสริมและเร่งฟื้นฟูความสมบูรณ์ของดินและน้ำคืนสู่ธรรมชาติ 55.2% แก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมและมลภาวะ

อันดับที่ 4 : แก้ไขปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 เป็นวาระแห่งชาติ 54.1%

5.  รัฐบาลใหม่ควรดำเนินนโยบายด้านการดูแลแรงงานอย่างไร (Multiple choices)

อันดับที่ 1 : ผลักดันให้มีการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานให้ครบทุกสาขาอาชีพ 66.9%เพื่อให้สามารถจ่ายค่าจ้างได้ตามความสามารถ (Pay by Skills)

อันดับที่ 2 : สนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาทักษะ UpSkill / Reskill 65.2% ให้รองรับเทคโนโลยีสมัยใหม่

อันดับที่ 3 : ใช้กลไกคณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคี รายจังหวัด  62.1% ในการพิจารณาปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ

อันดับที่ 4 : พัฒนาระบบฐานข้อมูล Big Data ของแรงงานทั้งระบบเพื่อใช้ใน 52.8%การวางแผนพัฒนากำลังคน และสร้างความสมดุลด้านกำลังแรงงานในแต่ละ Sector

 

6.  นโยบายรัฐบาลใหม่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมในระดับใด

อันดับที่ 1 : ปานกลาง 64.1%

อันดับที่ 2 : น้อย  22.1% 

อันดับที่ 3 : มาก  13.8%

 

 

TAGS: #เศรษฐา1 #ลดราคาพลังงาน #FTI #CEO