“พิมพ์ภัทรา”กำชับติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิดห่วงกระทบเชื่อมั่นนักลงทุน

“พิมพ์ภัทรา”กำชับติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิดห่วงกระทบเชื่อมั่นนักลงทุน
รมว.อุตสาหกรรม สั่งกนอ.สำรวจความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วม-น้ำแล้งใน 68 นิคมฯทั่วประเทศ ห่วงอีอีซีเผชิญเอลนีโญ

น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล  รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ทั้งภัยน้ำท่วม – น้ำแล้ง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง ภายหลังนายกรัฐมนตรีได้ประชุมติดตามสถานการณ์การบริหารจัดการน้ำ โดยให้ทุกกระทรวงติดตามเรื่องอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม ต้องไม่ได้รับผลกระทบหรือได้รับผลกระทบให้น้อยที่สุด

ทั้งนี้นโยบายหลักของรัฐบาลต้องการกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ เพราะหากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม หรือสถานการณ์ภัยแล้ง อาจจะส่งผลให้นักลงทุนเกิดความลังเลจนทำให้การลงทุนหยุดชะงักได้

อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้ กนอ. เตรียมมาตรการป้องกันทั้ง 2 กรณี เพื่อลดผลกระทบจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะสถานการณ์น้ำท่วมที่ปัจจุบันส่งผลกระทบไปแล้วหลายจังหวัด อาทิ ตาก สุโขทัย กาฬสินธุ์ ยโสธร อุบลราชธานี และปราจีนบุรี รวมทั้งกำชับนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 68 แห่งทั่วประเทศ เฝ้าระวังการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยง เช่น นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) และนิคมอุตสาหกรรมนครหลวง ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่มต่ำและติดแม่น้ำเจ้าพระยา

รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ หากเกิดน้ำทะเลหนุนร่วมกับปริมาณฝนในพื้นที่มาก ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบายน้ำได้ช้า รวมทั้งยังอยู่ใกล้กับชุมชนอีกด้วย ขณะที่ภัยแล้งในพื้นที่อีอีซีนั้น ได้รับรายงานว่า กนอมีมาตรการเตรียมรับมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้านนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) กล่าวว่า ความกังวลเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมนั้น ขณะนี้มีความเสี่ยงในระดับค่อนข้างต่ำ เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมเกือบทุกแห่งมีเขื่อนกั้นน้ำและระบบสูบน้ำที่ดี มีการก่อสร้างเขื่อนและปรับปรุงระบบระบายน้ำในนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่ง เพื่อป้องกันการเกิดน้ำท่วมซ้ำซาก และไม่ให้กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ทุกนิคมฯ เข้าช่วยเหลือชุมชนในการขุดลอกคูคลอง กำจัดวัชพืช เตรียมเครื่องสูบน้ำ และประสานงานกับหน่วยงานในท้องถิ่นด้วย

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมบางปู มีโครงการสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมจะแล้วเสร็จในปี 2567  ซึ่งได้ขอให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดหากมีฝนตกหนัก เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการระบายน้ำไม่ทัน

นอกจากนี้ ได้สั่งการทุกนิคมอุตสาหกรรมให้ดำเนินการตามแนวทางการบริหารจัดการปัญหาน้ำท่วมในนิคมอุตสาหกรรมอย่างเคร่งครัด คือ 1.ติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด 2.คาดการณ์ปริมาณฝนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

 3.ตรวจสอบและซ่อมแซมบำรุงรักษาเครื่องสูบน้ำ รวมถึงเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองที่มีอยู่ให้ใช้งานได้ 100 เปอร์เซ็นต์ 4.พร่องน้ำภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมฯ ให้อยู่ในระดับต่ำสุด เพื่อเป็นพื้นที่แก้มลิงรองรับน้ำ 5.ประสานจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่สำรองจากภายนอก ทั้งแบบใช้น้ำมันและแบบใช้ไฟฟ้า เข้ามาสนับสนุนทันทีที่มีการร้องขอ

6.สื่อสารให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งผู้เกี่ยวข้อง ทราบถึงสถานการณ์ล่าสุดอย่างต่อเนื่อง 7.กำหนดให้ทุกนิคมอุตสาหกรรมซ้อมแผนฉุกเฉินรองรับอุทกภัยเป็นประจำ และ 8.กรณีที่มีความเสี่ยงว่าจะเกิดอุทกภัย ให้รีบรายงานผู้ว่าการ กนอ. และผู้บริหาร กนอ. ทราบอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะยุติ

“มั่นใจว่ามาตรการทั้งหมดของ กนอ. จะรับมือสถานการณ์ฝนตกหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการในนิคมฯ ทุกแห่ง รวมทั้งชุมชนโดยรอบได้ ขณะที่สถานการณ์ภัยแล้งจากปรากฏการณ์เอลนีโญ กนอ. ยังคงติดตามสถานการณ์น้ำในภาคตะวันออกอย่างใกล้ชิด”

นายวีริศ กล่าวว่าจากรายงานสถานการณ์ล่าสุดนั้น ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดระยอง 3 อ่าง ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำดอกกราย อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล และอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ ปริมาณน้ำยังมีเพียงพอ ขณะเดียวกันช่วงที่ผ่านมามีฝนตกบ่อยครั้ง ทำให้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม กนอ. ยังจัดหาแหล่งน้ำสำรองเพื่อเตรียมไว้สำหรับใช้ในนิคมอุตสาหกรรมอีกด้วย โดยหารือร่วมกับภาคเอกชน เพื่อวางแผนรับมือภัยแล้งในพื้นที่อีอีซีไว้แล้ว

 

TAGS: #น้ำท่วม #ภัยแล้ง #เอลนีโญ #นิคมอุตสาหกรรม