เฟรเซอร์ส รับเทรนด์โลกเปลี่ยนขอบาลานซ์พอร์ต 3 ธุรกิจใน 7ปีมีสัดส่วนเท่ากัน เป้าเติบโต15% ต่อปีต่อเนื่องเพื่อพาองค์กรสู่ยั่งยืน พร้อมขึ้นท็อป 5แบรนด์อสังหาฯ ใน3ปี
ธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ที่อยู่อาศัย, อินดัสเตรียล และ คอมเมอร์เชียล กล่าวว่าบริษัทวางแนวทางการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ FPT NEXT 2025 ทั้ง3 กลุ่มเพื่อไปสู่เป้าหมายการเป็น หนึ่งใน5 (Top5) แบรนด์ชั้นนำอสังหาฯ ของไทยภายในปี 3 ปีนับจากนี้
โดยวางตำแหน่งให้เฟรเซอร์ส พร๊อพเพอร์ตี้ ในฐานะแบรนด์ผู้ให้บริการอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate as a Service Brand ) โดยจะผสานความร่วมมือ (Synergy) ระหว่างพันธมิตรธุรกิจทั้งในกลุ่มไทยเบฟเวอเรจ และพันธมิตรอื่นๆ นอกกลุ่ม
สำหรับกลุ่มธุรกิจอสังหาที่อยู่อาศัย ในปี2566 บริษัทจะเสริมด้วยสินค้าซูเปอร์ลักซูรี ด้วยเป็นตลาดที่มีความต้องการจากกำลังซื้อแท้จริง ซึ่งรับผลกระทบไม่มากจากในช่วงแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา ด้วยก่อนหน้าการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยจะเน้นบ้านเดี่ยวระดับบน และ ทาวน์โอม เป็นสินค้านำการทำตลาดภายใต้โกลเดนแลนด์ก่อนเฟรเซอร์สฯ ร่วมเป็นพันธมิตรในช่วง2 ปีก่อน และพบว่าตลาดทาวน์โฮม ใน 2-3 ปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อในกลุ่มผู้มีรายได้ชนชั้นกลาง เกิดการชะลอตัวไประยะหนึ่ง และมองว่าความต้องการในกลุ่มนี้จะเตรียมกลับมาในอนาคต
ด้าน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อุตสาหกรรม (Industrial) เฟรเซอร์สฯ ถือเป็นผู้นำตลาดอันดับหนึ่งในกลุ่มนี้ มีพื้นที่ให้บริการคลังสินค้ารวมกว่า 3.26 ล้านตารางเมตร โดยในปี 2565 ที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายลงทุนธุรกิจการบริหารจัดการคลังสินค้าในเวียดนาม และ อินโดนีเซีย ด้วยมองเห็นเป็นโอกาสทางธุรกิจนอกประเทศ
สุดท้าย ธุรกิจอสังหาเชิงพาณิชย์ (Commercial) ประกอบด้วย สำนักงาน ค้าปลีกต่างๆ โดยมีการบริหารจัดการพื้นที่รวมกว่า 2.4แสนตารางเมตร อาทิ กลุ่มโรงแรมเฟรเซอร์ส เรสซิเดนซ์ สำนักงาน อาคาร FYI Center , Park Venture , สาทร สแควร์ เป็นต้น โดยมองว่าภาพรวมธุรกิจอาคารสำนักงาน-พาณิชย์ ให้เช่าในปีนี้มีแนวโน้มดีในกลุ่มอาคารเกรดเอ ที่เชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะโดยตรง ส่วนอาคารเกรดบีอาจจะค่อนข้างเหนื่อย จากกลุ่มผู้เช่าร้านออฟฟิศเกรดบีเคลื่อนย้ายออกไป ทำให้ความต้องการในตลาดโตไม่ทันกับการซัพพลายสินค้าในย่านซีบีดี
"เฟรเซอร์ส มีจุดเด่นการเป็นแบรนด์ผู้ให้บริการอสังหาฯ ที่รวมทั้ง3 กลุ่มธุรกิจที่ชัดเจน โดยบริษัทจะใช้กลยุทธ์การผสานรวมกันไว้บนแพลคฟอร์มเดียวกัน หรือ วันแพลตฟอร์มเพื่อสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจให้กับเฟรเซอร์" ธนพล กล่าว
นอกจากนี้ เฟรเซอร์สฯ ยังจะมุ่งให้ความสำคัญในการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม ระบบออโตเมชัน ต่างๆ มาประยุกต์ใช้กับทุกกลุ่มธุรกิจทั้งที่อยุ่อาศัย การบริหารคลังสินค้า อาคาร สำนักงาน ฯลฯ โดยร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจต่างๆพร้อมพัฒนาสู่การเป็นแพลตฟอร์มเดียว เพื่อนำส่งบริการสินค้าต่างในกลุ่มให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย พร้อมตอกย้ำแบรนด์เฟรเซอร์สฯ ในฐานะผู้ให้บริการด้านอสังหาฯครบวงจรตามกลยุทธ์ FPT NEXT 2025 ข้างต้นด้วย
ทั้งนี้ จากแนวทางดังกล่าว จะยังเป็นส่วนหนึ่งของการนำไปสู่การเป็นองค์กรอสังหาฯควบคู่การเติบโตอย่างยั่งยืนรอบด้าน (ESG) ด้วยการนำไปผสมผสานร่วมกับกลยุทธ์ธุรกิจเพื่อผลักดันให้เฟรเซอร์สฯ มีอัตราเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 15% ต่อเนื่องในทุกปี ในระยะยาว
ธนพล กล่าวต่อถึงความท้าทายตลาดอสังหาฯไทยในเวลานี้ คือ อัตราเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลกระทบถึงการเติบโตเศรษฐกิจระดับมหภาค ทำให้ผู้เล่นในตลาดทั้งรายเดิมและรายใหม่ มีการแข่งขันมากขึ้น ขณะที่ลูกค้าบางกลุ่มที่มีความต้องการจริงมีสัดส่วนไม่มากนัก
ปัจจัยดังกล่าว ทำให้หลายธุรกิจอสังหาฯที่มีแกนหลักรับสร้างบ้าน หรือ ซื้อมาขายไป ปรับแนวทางหันไปทำคลังสินค้า หรือ ในบางรายพัฒนาโครงการฯที่อยู่อาศัย ได้ปรับมาทำโรงพยาบาล โรงแรม เป็นต้น เพื่อบริหารความยืดหยุ่นรายได้องค์กร และเป็นไปตามแนวโน้ม (Trend)เดียวกับทั่วโลกที่ผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ ปรับสู่การเป็นแบรนด์ผู้ให้บริการมากขึ้น
"จุดแข็งความครบวงจรของเฟรเซอร์สฯ ด้วยกลยุทธ์ FPT NEXT 2025 ผ่านแคมเปญต่างๆนับจากนี้ไป เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายขึ้นสู่ท็อปไฟว์แบรนด์อสังหาฯ ของไทยในปี 2568 และต่อยอดไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยในอีก7-8 ปีข้างหน้า เฟรเซอร์ส จะมีสัดส่วนรายได้ในธุรกิจอสังหาฯที่อยู่อาศัย50% เท่ากับธุรกิจอินดัสเตรียลและคอมเมิร์ซ จากปัจจุบันที่อยู่อาศัย 75% และที่เหลือ 25% " ธนพล กล่าว
สำหรับแผนธุรกิจปี 2566 บริษัทคาดเใช้งบลงทุนรวม ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบฯจัดซื้อที่ดินราว 6,000-7,000 ล้านบาท ส่วนธุรกิจคอมเมอร์เชียลราว 1,000 ล้านบาท และการลงทุนในส่วนของคลังสินค้าเพิ่มเติม และงบลงทุนประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท สำหรับโครงการอุตสาหกรรมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยจะทำการตลาดร่วม(คอลแเลบอเรชัน) ใน 3 กลุ่มธุรกิจเฟรเซอร์ส ไว้ด้วยกัน มีขนาดพื้นที่ราว 4,600 ไร่ โดยความคืบหน้าอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งจะให้น้ำหนักในโครงการด้าน โลจิสติกส์ คอมเมอร์เชียล และ เรสซิเดนซ์
โดยในปี 2565 เฟรเซอร์สฯ มีผลดำเนินงานอยู่ที่16,345 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัย สัดส่วน 75% มูลค่าราว 12,259 ล้านบาท ธุรกิจอุตสาหกรรม สัดส่วน 17% มูลค่า 2,780 ล้านบาท และ ธุรกิจพาณิชย์ สัดส่วน8% มูลค่า 1,307 ล้านบาท และในปี 2566 วางเป้าหมายเติบโตจากปีที่ผ่านมา มีรายได้ 17,925 ล้านบาท มาจากกลุ่มที่อยู่อาศัย 13,085 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรม 3,405 ล้านบาท และ กลุ่มพาณิชย์ 1,435 ล้านบาท