ความเสี่ยงรอบใหม่ของเงินเฟ้อไทย

ความเสี่ยงรอบใหม่ของเงินเฟ้อไทย
KKP Research วิเคราะห์ การกลับมาของภาคบริการ ความเสี่ยงรอบใหม่ของเงินเฟ้อไทย

KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ประเมินว่านักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มกลับมาเร็วขึ้นจะเป็นแรงส่งสำคัญให้เศรษฐกิจไทยในปี 2566 โดยอัตราการเข้าพักแรมฟื้นตัวขึ้นเป็นประมาณ 60% (ระดับก่อนโควิดอยู่ที่ 80%) 

อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวที่เร็วและกระจุกตัวในบางธุรกิจทำให้ KKP Research นำไปสู่การปรับขึ้นราคาในที่สุด KKP Research มองว่าปัญหาการขาดแคลนแรงงานจะกดดันต้นทุนและราคาในภาคบริการให้เพิ่มสูงขึ้น ในระยะสั้นธุรกิจอาจไม่สามารถหาพนักงานเพิ่มขึ้นได้เพียงพอกับความต้องการหลังจากที่มีการปิดกิจการไปเป็นเวลานาน

จากสถานการณ์อุปสงค์ในภาคบริการและตลาดแรงงานที่เริ่มตึงตัว ทำให้มีโอกาสเห็นแรงกดดันเงินเฟ้อในภาคบริการ ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณบ้างแล้วในราคาที่พักของโรงแรมระดับ 4–5 ดาว ที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลับมาที่โรงแรมระดับบนก่อน โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวหลักที่ราคาที่พักพุ่งสูงขึ้นเกินกว่าระดับก่อนโควิดไปแล้ว 

แม้ว่าความเสี่ยงต่อการประเมินเงินเฟ้อในปี 2566 จะเพิ่มขึ้น KKP Research ยังคงประเมินว่าหากไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเพิ่มเติม เช่น ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นอย่างรุนแรง เงินเฟ้อของไทยในภาพรวมจะยังคงทยอยปรับตัวลดลง โดยคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะชะลอตัวลงจาก 6.0% ในปี 2565 มาอยู่ที่ 3.3% ในปี 2566 จากการที่สองปัจจัยขับเคลื่อนหลักของเงินเฟ้อไทยในปี 2565 คือราคาน้ำมันและราคาอาหาร เริ่มมีทิศทางชะลอตัวลง 

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อไทยที่ยังต้องจับตาคือ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง และเงินเฟ้อโลกที่ยังมีโอกาสเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง จากอุปสงค์ที่ยังคงแข็งแกร่งในขณะที่อุปทานโดยฉพาะตลาดแรงงานสหรัฐ ฯ ยังไม่ปรับตัวเป็นปกติ 

TAGS: #KKP #Research #เงินเฟ้อ #ท่องเที่ยว