ปรากฎการณ์ 'สัปเหร่อ' ลุ้นหนังไทย 1,000 ล.บาทเรื่องแรก SF เพิ่มรอบฉาย รับรายได้นิวไฮไม่หยุด

ปรากฎการณ์ 'สัปเหร่อ'  ลุ้นหนังไทย 1,000 ล.บาทเรื่องแรก  SF เพิ่มรอบฉาย รับรายได้นิวไฮไม่หยุด
'สัปเหร่อ' หนังไทย ที่กำลังสร้างรายได้สูงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สี่นับแต่เข้าฉายครั้งแรกวันที่ 5 ต.ค. ล่าสุด SF เพิ่มมรอบฉายหนังรับความต้องการ คาดมีได้ลุ้นแตะพันล้านบาท

สุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัทเอสเอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจโรงภาพยนตร์เอสเอฟ(SF) กล่าวว่าในปี 2566 นี้ ถือเป็นปีทองของภาพยนตร์ไทย นับจากต้นปีที่ผ่านมาที่สามารถสร้างรายได้แต่ละเรื่องร่วมหลักร้อยล้านบาท อาทิ ขุนพันธ์, บ้านเช่าบูชายัญ และ Long Live Love! (ลอง ลีฟ เลิฟว์)

 

ล่าสุดปรากฎการณ์ภาพยนต์ไทยเรื่อง ‘สัปเหร่อ’ ภาคต่อใน’จักรวาลไทบ้านเดอะซีรีส์’ ของนักแสดงและผู้กำกับ ‘ต้องเต- ธิติ ศรีนวล’ ที่สร้างรายได้สูงสุด(นิวไฮ) มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดรอบฉายวันแรกเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา ในทุกสาขาโรงภาพยนต์เอสเอฟ

 

“นับแต่เปิดฉายสัปเหร่อตั้งแต่สัปดาห์แรก ได้การตอบรับดีจากผู้ชมโดยเฉพาะในตลาดภาคอีสาน และจังหวัดมหาสารคาม ด้วยเป็นภาพยนต์ที่ถ่ายทอดมาจากแพสชันและเรื่องราวในท้องถิ่นมาสู่ตัวภาพยนต์ ที่ปรากฎการณ์นี้ยังได้กระจายไปยังตลาดภาพยนต์ในแต่ละจังหวัดต่างๆทั้งกรุงเทพ ภูเก็ต และจังหวัดอื่นๆในแต่ละภาคของไทย ด้วย” สุวิทย์ กล่าว

 

นอกจากนี้ ภาพยนตร์สัปเหร่อ ยังมีความน่าสนใจด้านการเติบโตรายได้จากการจำหน่ายบัตรชมภาพยนต์ จากเดิมในสัปดาห์แรกของการเข้าฉายหนังส่วนใหญ่จะมีอัตราเติบโตสูงสุดหรือพีค จากนั้นจะทยอยลดความนิยมต่อมาในสัปดาห์ที่2 และ 3 

 

“ภาพยนตร์เรื่องสัปเหร่อ ยังทำสถิติสร้างรายได้ถึง 100 ล้านบาท ได้ตั้งแต่ในสัปดาห์แรก และทะลุเกิน 120ล้านบาท 130 ล้านบาท ไปจนถึง 300 ล้านบาท 500 ล้านบาท และคาดว่าในสัปดาห์นี้ (23-28 ต.ค.นี้) อาจจะได้เห็นตัวเลขรายได้หนังแตะ 600 ล้านบาท และไม่มีทีท่าจะสิ้นสุด ด้วยทำยอดรายได้เกินหนังไทยไปทุกเรื่องแล้ว” สุวิทย์ กล่าว

 

จากกระแสดังกล่าว บริษัทยังได้ขยายเพิ่มรอบฉายหนังเรื่องสัปเหร่อ โดยปัจจุบันเอสเอฟ ให้บริการเกือบ 400 โรงหนัง แบ่งสัดส่วนเป็น 80-90% เพื่อเปิดฉายหนังเรื่องดังกล่าว 5-6 รอบต่อวัน และโรงภาพยนตร์เอสเอฟ ในสาขาจังหวัดมหาสารคาม ใช้รอบฉายเต็ม100%  

 

SF เปิดสถิติน่าสนใจ

 

สัปดาห์แรก : ผู้บริโภคเต็มโรงภาพยนตร์ทุกรอบ โดยเฉพาะใน จังหวัดมหาสารคาม ได้เปิดรอบฉายเพิ่มถึงเวลา 02.00 น. (ตีสอง) จากยอดการรับชมเติบโต 100%

สัปดาห์ที่สอง : ความนิยมเริ่มกระจายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ตรัง  รวมถึงในพื้นที่กรุงเทพฯ  และปริมณฑล มีการรับชมเกือบเต็มโรงฯ  โดยเฉพาะในสาขา เซ็นทรัล เวิลด์, ลาดพร้าว และพระรามเก้า มีการเติบโต 120%

สัปดาห์ที่สาม : อัตราการเติบโตภาพยนต์ดังกล่าว ในโรงภาพยนตร์ ขยายตัว 150% จากปกติเมื่อหนังเข้าสัปดาห์ที่ 2-3 ยอดการรับชมจะลดลงถึง 30-40%

โดยปัจจุบันโรงภาพยนตร์เอสเอฟ ฉายภาพยนตร์สัปเหร่อในอัตรา 80-90% ของโรงภาพยนตร์ที่มีทั้งหมด 65 สาขา 391 โรงภาพยนตร์

ลุ้นหนังไทย พันล้านบาท

สุวิทย์ กล่าวว่า จากประสบการณ์ในธุรกิจโรงภาพยนตร์มองว่าความสำเร็จของหนังเรื่องสัปเหร่อ จนกลายเป็นปรากฎการณ์ความนิยมสูงในขณะนี้ มาจากหลายองค์ประกอบการสำคัญ ทั้งการสร้างภาพยนต์ที่มีความเข้าใจ สะท้อนวัฒนธรรมคนท้องถิ่นในภาพอีสาน ในสไตล์หนังไทบ้าน มีความสนุก ดูแล้วครบทุกด้านสื่อสารกับผู้ชมได้

จากการเติบโตรายได้สูงสุดต่อเนื่องเช่นนี้ พร้อมกับการเพิ่มรอบฉายอาจทำให้ได้มีโอกาสภาพยนต์ไทยเรื่องแรกที่มีรายได้แตะ 1,000 ล้านบาท

 

ทั้งนี้หากมีการผลักดันให้ภาพยนต์ดังกล่าวมีโอกาสไปแสดงในเทศกาลภาพยนต์นานาชาติในเวทีต่างๆ จะสามารถสร้างเป็นซอฟต์เพาเวอร์ ของไทย ได้อย่างดี

 

หนังใหญ่เตรียมเข้าฉายไตรมาส4  

 

สำหรับภาพรวมธุรกิจโรงภาพยนตร์ในปีนี้ คาดในไตรมาส4 ราวเดือน พฤศจิกายน จะเป็นอีกหนึ่งช่วงเติบโตสูงสุดของโรงหนัง ด้วยมีภาพยนต์ฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์ เตรียมเข้าฉาย อาทิ The Hunger Games ทั้ง 4 ภาค จะนำกลับมาฉายอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. – 14 พ.ย. และ อควาแมน เจ้าสมุทร (Aquaman) เข้าฉายในเดือน ธ.ค. นี้

 

ขณะที่อุตสาหกรรมธุรกิจโรงภาพยนต์ช่วงไตรมมาส 2 มีแนวโน้มเติบโตดีจากบรรยากาศเศรษฐกิจฟื้นตัว แต่กลับไปชะลอตัวในช่วงไตรมาส3 ราวเดือนก.ค. และคาดว่าในไตรมาส4 ที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซัน

 

แนวโน้มดังกล่าว บริษัทคาดในปี 2566 มีอัตราการเติบโตรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้มากกว่า 3,000 ล้านบาท 

TAGS: #เอสเอฟ #SF #หนังไทย #สัปเหร่อ #ไทบ้านเดอะซีรี่ส์