‘ภูมิธรรม’นั่งหัวโต๊ะถกกกร.ดึงน้ำตาลทรายเข้าหมวดสินค้าควบคุม คงราคาเท่าเดิมหลังก่อนหน้ากอน.ไฟเขียวขยับราคา 4 บาท/ก.ก.หวั่นกระทบประชาชน รอชงครม.พรุ่งนี้ มีผล 1 พ.ย.
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการหรือ กกร.ว่าที่ประชุม กกร.มีมติเห็นชอบให้นำสินค้ากลุ่มน้ำตาลทรายกลับมาเป็นสินค้าควบคุมตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542ตามเดิม หลังจากที่ผ่านมาได้ถอดรายการสินค้านี้ออกจากบัญชีสินค้าควบคุมของกรมการค้าภายใน เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากมติของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.) ปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงาน 4 บาท/ก.ก. ซึ่งอาจมีผลต่อราคาสินค้ากลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม ขนม ที่ใช้น้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบ
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงจากมติของกอน.ที่ให้ปรับราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานขึ้นเป็น ก.ก.ละ 23 บาท น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ปรับขึ้นเป็น ก.ก.ละ 24 บาท ส่งผลให้ราคาขายปลีกจะปรับขึ้นไปเป็น ก.ก.ละ 28 บาท และ ก.ก.ละ 29 บาท จะทำให้ประชาชนและภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่องได้รับความเดือดร้อนได้
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงพาณิชย์จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 31 ต.ค.เพื่อพิจารณากำหนดให้น้ำตาลทรายอยู่ในบัญชีสินค้าควบคุม ก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ได้ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำตาลทรายหน้าราคาหน้าโรงงาน ชนิดน้ำตาลทรายขาวธรรมดาอยู่ที่ กก.ละ 19 บาท น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์อยู่ กก.ละ 20 บาท ทำให้ขายปลีก น้ำตาลทรายขาวธรรมดาอยู่ที่ กก.ละ 23 บาท และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ กก.ละ 24 บาท รวมทั้งยังกำหนดให้ผู้ส่งออกน้ำตาลทรายตั้งแต่ 1 ตันขึ้นไปจะต้องแจ้งปริมาณให้ส่วนราชการทราบ
นอกจากนี้ กกร.มอบหมายให้กรมการค้าภายลงพื้นที่ตรวจเช็คราคาและปริมาณน้ำตาลทรายอย่างใกล้ชิด กรณีขายเกินราคาควบคุม จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มาตรา 25 โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขณะเดียวกันหากพบว่าผู้จำหน่ายกักตุนสินค้าน้ำตาลทราย ซึ่ง กกร.กำหนดให้เป็นสินค้าควบคุม ผู้จำหน่ายจะมีความผิดตามมาตรา 30 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“ส่วนการดูแลเกษตรกรชาวไร่อ้อย รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ตามเดิม ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะเข้าไปดูแลในแนวทางด้านอื่นๆแทน เพราะการการปรับสินค้าขึ้นทีเดียว 4 บาท/ก.ก.เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากจนเกินไปและเป็นการสวนทางกับแนวนโยบายของรัฐบาลที่จะดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชน“