ตั้งวงถกผู้บริหารกฟผ.6 พ.ย.นี้ กังวลองค์กรสะดุดขาดผู้ว่าฯคนใหม่นานเกินไป กระทุ้งรัฐอย่าละเลยเหตุมีภารกิจต้องดูแลความมั่นคงด้านไฟฟ้า เชื่อเรื่องนี้ผิดวิสัยไม่ปกติ
นางณิชารีย์ กิตตะคุปต์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) เปิดเผยว่าใน วันที่ 6 พ.ย. 2566 ทางคณะกรรมการสร.กฟผ.จะหารือกับผู้บริหารกฟผ.เพื่อพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมหลังว่างเว้นตำแหน่งผู้ว่าการกฟผ.คนใหม่มาเป็นเวลาที่นาน นับตั้งแต่นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ.คนเก่าหมดวาระเมื่อวันที 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดสูญญากาศขององค์กรได้
ทั้งนี้สร.กฟผ.ต้องการให้องค์กรมีการขับเคลื่อนต่อเนื่อง ซึ่งไม่ได้มองว่าใครจะมาเป็นผู้ว่าการ แต่ขณะนี้จำเป็นต้องมีผู้ว่าคนใหม่ เนื่องจากยังมีภารกิจที่สำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะการพิจารณาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที) ที่กฟผ.เองยังคงแบกรับภาระการช่วยดูแลกว่า 1 แสนล้านบาท
"ถึงเวลาที่เราต้องเคลื่อนไหว โดยจะคุยกับผู้บริหาร กฟผ. ว่าจะจัดการอย่างไร ซึ่งปัญหาคือ ต้องมีผู้ว่าการ เพื่อมาบริหาร ยอมรับว่าปัญหาของกฟผ. ถือเป็นปัญหาของชาติและประชาชน เพราะ กฟผ. โดยหน้าที่และเจตนารมณ์หลักที่จัดตั้งก็เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ แต่กำลังจะตาย รัฐควรช่วยเหลือให้องค์กรของรัฐที่เป็นแขนเป็นขาให้รัฐบาล แต่กลับหยิบเอาส่วนที่เป็นประโยชน์ ผลกำไร และรายได้นำส่งเข้ารัฐไปเป็นกำไรให้กับภาคเอกชน จะเห็นได้ว่า ปัจจุบัน กฟผ. มีกำลังการผลิตเหลือประมาณ 28% และในอนาคตบอกว่าจะเหลือแค่ 20% และจะกลายเป็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้อย่างไรกัน”นางณิชารีย์กล่าว
อย่างไรก็ตามภาคสังคม นักวิชาการ สื่อมวลชน ประชาชน รวมถึงพนักงาน กฟผ. กว่าหมื่นคน ได้มีการกระตุ้นไปยังภาครัฐบาลถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งสร.กฟผ.เองก็ได้มีการเรียนถามไปยัง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในช่วงแรกที่มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วเพราะรักษาการไม่มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจทำให้ไม่กล้าตัดสินใจ แต่จนปัจจุบันยังไม่สามารถนำมาซึ่งข้อสรุปได้
ทั้งนี้สร.กฟผ.ได้ติดตามการสรรหาผู้ว่าการ กฟผ. ตั้งแต่วันที่คณะกรรมการบริการ กฟผ. (บอร์ด กฟผ.) ที่มีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน เมื่อวัน 8 มี.ค. 2566 เพื่อพิจารณาผู้ว่าการ กฟผ.คนใหม่ แทนนายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. ที่ครบวาระในวันที่ 21 ส.ค. 2566 โดยบอร์ดกฟผ. ได้เลือก นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ รองผู้ว่าการประจำสำนักผู้ว่าการ กฟผ. ปฏิบัติงานที่บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ตามที่คณะกรรมการสรรหาที่มี นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เป็นประธานเสนอ
นอกจากนี้ ภายหลังบอร์ดกฟผ. ลงมติเรียบร้อย ต่อมามีสัญญาณว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาจะยุบสภา ทางสร.กฟผ. ได้ติดตามไปยังนายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน สมัยนั้น ให้นำเสนอชื่อผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 16 ก่อนที่จะมีการยุบสภาฯ เพราะเกรงว่าจะขาดตอน เพราะช่วงนั้น กฟผ. ก็มีปัญหาการรับภาระค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) กว่า 1 แสนล้านบาท รวมถึงปัญหาสภาพคล่อง ฯลฯ ซึ่งต้องอาศัยผู้มีอำนาจสูงสุดในการลงนาม แต่ก็ไม่ได้มีการนำเสนอ จนเป็นรัฐบาลรักษาการ ต่อมาได้มีการส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงเดือนก.ค. 2566 ก็แปลกใจว่า กกต. มีการอนุมัติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงจำนวนมาก ยกเว้นผู้ว่าการ กฟผ. เป็นอะไรที่ผิดปกติมาก
ล่าสุดเมื่อแต่งตั้ง ครม. ชุดใหม่สำเร็จ ก็หวังว่าจะมีการนำเสนอ ครม. นัดแรกแต่สุดท้ายก็ไม่มีและล่าสุดมีการระบุต้องส่งให้บอร์ดกฟผ.ชุดใหม่พิจารณาแต่ขณะนี้บอร์ดก็ยังคงขาดประธาน
นางณิชารีย์ กล่าวว่า ปัญหานี้ก็อยากให้เร่งดำเนินการ ซึ่งไม่ได้คัดค้านอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน เพราะเป็นหน่วยงานและเป็นเครื่องมือของรัฐ จึงสนับสนุนอยู่แล้ว แต่รัฐก็ต้องดูแลองค์กรของรัฐ ซึ่งเป็นแขนเป็นขาในการทำงานว่าจะหาทางออกและช่วย กฟผ.อย่างไร เพราะกฟผ. จะต้องบริหารจัดการพนักงานกว่า 1 หมื่นคน รวมถึงความรับผิดชอบต่อความมั่นคงด้านไฟฟ้าเพื่อประเทศ ประชาชน และสังคมโดยรวม