‘ภูมิธรรม’โชว์วิชั่นเร่งเพิ่มมูลค่าการค้าพาไทยพ้นกับดักรายได้ปานกลาง

‘ภูมิธรรม’โชว์วิชั่นเร่งเพิ่มมูลค่าการค้าพาไทยพ้นกับดักรายได้ปานกลาง
รมว.พาณิชย์ ย้ำไทยต้องกล้าคิดกล้าทำ ปร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ก้าวให้ทันระเบียบโลกใหม่หวังทำให้คนไทยพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ขณะที่รัฐบาลพร้อมหนุนเอกชนปั๊มรายได้ให้ประเทศ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “วิชั่นใหม่ประเทศไทยสู่การค้ามูลค่าสูง : Building a High Value-added Economy” ในงานสัมมนาThe Better Future Forward 2024  วันนี้ตนได้พบกับท่านประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ท่านบอกว่ามั่นใจว่ารัฐบาลนี้มีความมั่นคงแข็งแรง สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้เขาได้ ซึ่งรากฐานแรกที่สำคัญอยู่ที่ระบบการเมือง และปัจจุบันปัญหาความท้าทายของระบบเศรษฐกิจโลกมีเยอะ แต่โอกาสของประเทศไทยก็ยังมี ขึ้นอยู่กับคนไทยด้วยกันสร้างโอกาส แก้วิกฤตนำประเทศไปสู่ความอุดมสมบูรณ์ในอดีตก็จะมีมากขึ้น

สำหรับให้ประเทศไทยการค้ามูลค่าสูง เราจะโฟกัสที่ทำอย่างไรที่จะเพิ่มมูลค่าสินค้า วันนี้เราเป็นประเทศเกษตรกรรม  ต้องปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจให้ก้าวทันโลกที่เปลี่ยนแปลง  ทั้งระเบียบการค้าโลกใหม่ที่เกิดขึ้น ต้องก้าวให้ทัน ทำให้ปัจจัยในประเทศแข็งแรงก็จะสามารถทะลุทะลวงความท้าทายได้มากขึ้น

การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ตั้งแต่ปี 2531 เราก้าวข้ามจากการเป็นประเทศรายได้ต่ำกลายเป็นประเทศรายได้ปานกลาง จนถึงปัจจุบัน 35 ปีมาแล้ว ยังติดกับดักรายได้ปานกลางไม่สามารถเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ตนคิดว่าปัญหาคือรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย วันนี้ท่านประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ถามว่าสิทธิเสรีภาพของคนในสังคมได้รับการยอมรับมากแค่ไหน ซึ่งดีใจที่ได้เห็นกระบวนการยุติธรรมและคดีของคุณพิธาก็มองว่าทำให้บรรยากาศการลงทุนในประเทศดีขึ้น ซึ่งตนก็บอกว่า ยินดีที่เข้ามาช่วยกันทำงาน วันนี้ถ้าเราเลิกมองฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลแบบมิติเก่า ช่วยกันทำงานให้ประเทศก็จะทำให้เดินหน้าไปได้ เราต้องกล้าคิดแบบใหม่ กล้ามองให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลง มั่นใจและเชื่อมั่นว่าเราสามารถยกระดับประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสมดุลระหว่างธุรกิจทุกภาคส่วน

อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์อยู่ท่ามกลางความขัดแย้งผู้บริโภคต้องการสินค้าราคาถูก ผู้ผลิตต้องการต้นทุนต่ำ ขายราคาสูง ความต้องการที่หลากหลาย ต้องสร้างจุดสมดุลให้เกิดขึ้น วันนี้ไทยเป็นสังคมแห่งสันติ มองหาความปรองดองร่วมกัน โลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ระเบียบกติกาการค้าก็เปลี่ยนเรื่อยๆ  ทั้งด้านเทคโนโลยีมี AI ดิจิทัล ต้องดูเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก  ปรับตัวหาตลาด ทั้งนี้คนเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด และรัฐต้องเป็นรัฐสนับสนุน อำนวยความสะดวก ซึ่งรัฐบาลของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ส่งเสริมให้เอกชนนำ และรัฐซัพพอร์ต  เพื่อให้เขามีแต้มต่อในการแข่งขัน ในภาคการเกษตร เช่น ชาวนาต่างมีองค์ความรู้ที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของเขา แต่รัฐต้องเข้าไปช่วยให้เกิดพลังร่วมกัน  อย่างองค์การคลังสินค้า (อคส.)ก็ควรทำให้เอสเอ็มอีรายเล็กเติบโตได้มากขึ้น ไม่ใช่ไปทำถุงมือยาง ทำอะไรที่เป็นปัญหา ทำหน้าที่อย่างที่วัตถุประสงค์องค์กร ช่วยเหลือประชาชน

นอกจากนี้การไปที่จังหวัดระนอง ได้ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าระบายผลผลิตมังคุด และการระบายสินค้าเกษตรก็คิดวิธีการใหม่ๆ เช่น ระบายผ่านปั๊มน้ำมัน เป็นการบริการจัดการรับมือสินค้า ไม่ทำการตลาดแบบเดิม เพื่อช่วยกระจายสินค้า เร็วๆนี้จะมีการใช้อินฟลูเอนเซอร์จีน 30 ราย คนติดตาม 200-300 ล้านคน มาช่วยไลฟ์สดขายสินค้า รวมไปถึงซีรีส์วาย ก็จะเป็นเครื่องมือช่วยขายสินค้า ล่าสุดตนไปทานร้านอาหารไทยที่สหรัฐอเมริกา ก็มีการเอาอินฟลูเอนเซอร์ 27 คน มาทำคอนเทนต์อาหารไทย  รวมถึงที่ไปจีน คุยกับบริษัทค้าน้ำมันที่มีสถานีบริการถึง 30,000 สถานี และร้านมินิมาร์ท 20,000 แห่ง เสนอช่วยกระจายสินค้า

ขณะเดียวกันเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์มองว่า จุดเริ่มต้นของการค้ามูลค่าสูงอยู่ที่ทรัพย์สินทางปัญญา เชื่อมประสานกับส่วนต่างๆ องค์ความรู้ และมีสินค้าจีไอ (Geographical Indication) ที่ตอนนี้ขึ้นทะเบียนแล้วกว่า 130 รายการ สินค้าเกษตรเช่น ข้าวหอมมะลิ(เชียงราย) ทุเรียนหมอนทอง(จันทบุรี) กาแฟดอยช้าง(เชียงราย) มะพร้าวน้ำหอม(ประจวบคีรีขันธ์) น้ำแร่ภูเขาไฟ(เลย) และปลาร้า(ขอนแก่น) เป็นต้น จะทำให้ค้าขายกับระเบียบโลกใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ทรัพยากรในประเทศบริหารจัดการให้ดี รัฐส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดขึ้น เอกชนเป็นทัพหน้าเปิดตลาด ถ้าเราทำอย่างครบวงจรจะก้าวเข้าสู่การสร้างสินค้ามูลค่าสูงได้

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้มี 3 เรื่องที่ใช้ในการแก้ปัญหา คือ 1.ต้องให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง คิดทุกอย่างบนฐานที่ประชาชนได้ประโยชน์ ให้ประชาชนแข็งแรงก็จะเป็นกำลังซื้อที่แข็งแรงมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ดี 2. ต้องกล้าคิดนอกกรอบ ถ้าทำแบบเดิมก็จะเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจเหมือน 10 ปีที่ผ่านมา ถ้าทำให้รัฐธรรมนูญมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ยอมรับความแตกต่างหาจุดร่วม  ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจะทำให้รัฐธรรมนูญมีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด โดยขึ้นอยู่กับความเป็นจริง

และ3.ต้องกล้าทำ ถ้าไม่กล้าทำสุวรรณภูมิก็ไม่เกิด ถ้าไม่กล้าทำ กล้าคิดนอกกรอบ ถ้าแม้แต่เรายังไม่เชื่อมั่นว่าตัวเองทำได้ แล้วจะให้คนอื่นไปทำได้อย่างไร ท่านนายกฯบอกว่า รัฐมนตรีทุกคนต้อง can do สร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติให้แตกต่างจากเดิมให้ได้ ซึ่งวันข้างหน้ามีความท้าทายมากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ต้องกล้าเดินไปข้างหน้า คิดให้ทะลุไม่กลัวสิ่งที่เกิดขึ้นและต้องให้โอกาสรัฐบาลที่จะทำ

TAGS: #กับดักรายได้ปานกลาง #ส่งออก #เยอรมัน #thebetterfutureforward