หลายคนคงเคยประสบกับเหตุการณ์ต้องย้ายถิ่นฐาน ห่างไกลบ้านเกิด ไม่ว่าจะต้องไปด้วยเหตุผลอะไร แต่อาการคิดถึงบ้านนั้นอาจส่งผลรุนแรงจนถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าได้
Homesickness หรืออาการคิดถึงบ้าน แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ และมีการกล่าวถึงในหนังสือพันธสัญญาเดิม ภาคแรกของพระคัมภีร์ไบเบิล เรื่องโอดิสซีย์ ของมหากวีโฮเมอร์ เกิดขึ้นได้กับใครก็ตามที่อยู่ห่างบ้าน ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาชื่อดัง นักแสดง นักร้อง
เร็วๆ นี้ได้มีการระบุชัดเจนแล้วว่าอาการคิดถึงบ้านนั้น เป็นความผิดปกติของการปรับตัวที่ชัดเจนพร้อมมีอาการระบุตัวตนให้สังเกตได้ และสาเหตุของการเกิดอาการ
จอช คลาโกว์ นักจิตวิทยาและรองศาสตราจารย์จากคณะสาธารณสุขของมหาวิทยาลัยอลาบามากล่าวว่า “มันเกิดจากความต้องการตามสัญชาตญาณของคน ที่ต้องการความรัก การปกป้อง และความปลอดภัย ความรู้สึกแลบางสิ่งที่มักเกี่ยวข้องกับบ้าน เมื่อคุณสมบัติเหล่านี้ไม่มีอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ และทำให้เราเริ่มโหยหาบ้านเรา”
อาการคิดถึงบ้านในวัยผู้ใหญ่ มักมาจากคนที่ย้ายออกจากบ้านเป็นครั้งแรก เช่น ย้ายเพื่อไปเรียนต่างแดน การวิจัยชี้ให้เห็นว่ามากถึงร้อยละ 70 เคยประสบกับเหตุการณ์นี้มาก่อน
“การย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศอื่นอาจเป็นโอกาสที่น่ากลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไม่พูดภาษานั้น อาการคิดถึงบ้านอาจมีอาการคล้ายกับภาวะซึมเศร้า” นักจิตวิทยา ดร.แคโรไลน์ ชูสเตอร์ กล่าว
ในกรณีที่มีอาการรุนแรง อาการสามารถพัฒนาไปถึงขั้นโจมตีเราจนเสียขวัญได้ ในขณะที่มันอาจส่งผลให้เกิดอาการไม่เข้าทางสังคม ส่งผลต่อการนอนหลับ ฝันร้าย และปัญหาด้านสมาธิ
บางคนอาจสงสัยว่าทําไมคนที่คิดถึงบ้าน ถึงไม่แก้ปัญหาด้วยการกลับบ้าน
มันไม่ง่ายอย่างนั้นเสมอไป บางสถานการณ์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่นในโลกยุคใหม่การแต่งงานแบบ Mixed-nationality เป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งหมายความว่าคู่ครองอย่างน้อยหนึ่งคนต้องเผชิญกับโอกาสที่จะอยู่ห่างจากบ้านเกิดของพวกเขาตลอดไปแม้บางครั้งเมืองที่ย้ายไปจะสะดวกสบายหรือดีกว่า แต่อย่างที่เคยได้ยิน “ไม่มีที่ไหนดีเท่าบ้านเรา”
ผลกระทบอาการ Homesickness
อาการซึมเศร้า รู้สึกเศร้าและสูญเสียความสนใจหรือความสุขอย่างต่อเนื่อง แพทย์กล่าวว่าอาการคิดถึงบ้านอาจมีอาการคล้ายกับภาวะซึมเศร้า เช่น ร้องไห้บ่อย ปัญหาการนอนหลับ ไม่มีสมาธิ และถอนตัวออกจากสังคมในบางกรณี อาการคิดถึงบ้านอาจกลายเป็นภาวะซึมเศร้าได้
ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทํางาน ความรู้สึกมากมายเกิดขึ้นได้เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่และห่างไกลจากความคุ้นเคย อาจนําไปสู่ปัญหาด้านประสิทธิภาพในที่ทํางานและโรงเรียน ความรู้สึกคิดถึงบ้านที่รุนแรงอาจส่งผลให้มีปัญหาในการจดจ่อกับหัวข้อที่ไม่เกี่ยวข้องกับบ้าน
ผลกระทบทางกายภาพ อาการคิดถึงบ้านอาจนําไปสู่อาการทางร่างกาย เช่น เบื่ออาหาร ปัญหากระเพาะอาหาร นอนไม่หลับ ปวดหัวและอ่อนเพลีย
วิธีรับมือกับอาการ
- ทำใจให้เป็นเรื่องปกติ การอยู่ห่างจากบ้าน ห่างจากครอบครัว เพื่อนฝูงหรือสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องปกติ มันหมายความว่าเรามีความสัมพันธ์แบบเฮลตี้ต่อสิ่งแวดล้อรอบตัวเรา อาจจะใช้เวลาสักหน่อยในการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งใหม่
- เข้าร่วมกิจกรรมหรือหาคลาสเรียน บางบริษัทหรือมหาวิทยาลัยจัดกิจกรรมสําหรับพนักงานต่างชาติหรือนักศึกษา และสิ่งนี้อาจช่วยให้คุณเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยใหม่และได้พบปะผู้คนใหม่ๆ
- ทำตัวให้แอ็คทีฟ การออกกําลังกายสามารถช่วยให้เลิกคิดถึงบ้านได้ กีฬาประเภททีมยังสามารถช่วยสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมใหม่ ผู้คนใหม่ๆ
- ค้นหาสถานที่ "โปรด" ใหม่ อาจเป็นร้านกาแฟสําหรับดื่มกาแฟโดยเฉพาะ โต๊ะเฉพาะที่ห้องสมุด ต้นไม้ร่มรื่นให้นั่งข้างใต้ มันสร้างพื้นที่ที่คุ้นเคยซึ่งคุณอาจเริ่มรู้สึกเหมือนอยู่บ้านมากขึ้น
- ทําความรู้จักกับคนในท้องถิ่น อาจช่วยให้คุณปรับตัวเข้ากับสถานที่ใหม่ได้ง่ายขึ้นหากคุณทําความรู้จักกับคนในท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมาจากที่ไหนสักแห่งที่แตกต่างกันมาก การศึกษาของนักเรียนแอฟริกันในสหรัฐอเมริกาพบว่าผู้ที่ใช้เวลากับนักเรียนอเมริกันมีปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่น้อยลง
- ติดต่อสื่อสาร โทรหรือส่งข้อความหาเพื่อนและครอบครัวที่บ้านเป็นประจํา ในการศึกษาผู้คนจากประเทศอื่น ๆ ที่ทํางานในเมืองลอนดอน ผู้ที่ติดต่อกับเพื่อนและครอบครัวที่บ้านเป็นประจําจะคิดถึงบ้านน้อยกว่าผู้ที่ไม่ติดต่อกลับเลย แต่การโทรศัพท์ทุกวันอาจทําให้คุณรู้สึกคิดถึงบ้านมากขึ้น อาจโทรกลับบ้านสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้งแทนที่จะเป็นทุกวัน