‘โนเบิล’ เตรียมขายหุ้นกู้ชุดใหม่ 2 รุ่น ชูดอกเบี้ยระหว่าง [4.70-5.25]% คาดเปิดจอง 18-20 ธันวาคม 2566 นี้
อรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน เปิดเผยว่า NOBLE ได้ยื่นข้อมูลเพื่อเสนอขายหุ้นกู้ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) โดยเป็นการออกและเสนอขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน หรือที่เรียกว่า Public Offering จำนวน 2 รุ่น คือรุ่นที่ 1 อายุ 1 ปี 5 เดือน 26 วัน อัตราดอกเบี้ยระหว่าง [4.70-4.80]% ต่อปี และรุ่นที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยระหว่าง [5.15-5.25]% ต่อปี โดยบริษัทฯ จะประกาศอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนให้ทราบอีกครั้ง โดยหุ้นกู้ทั้ง 2 รุ่นจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท คาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 18-20 ธันวาคม 2566
บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อนำเงินไปชำระคืนหุ้นกู้ที่กำลังจะครบกำหนดในเดือนกุมภาพันธ์และตุลาคม 2567 โดยบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2566 ที่ระดับ “BBB” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” ซึ่งเป็นระดับ Investment grade หรือเรียกว่าระดับที่สามารถลงทุนได้ และบริษัทฯ ไม่เคยมีประวัติผิดนัดชำระหนี้หรือเลื่อนการชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นของหุ้นกู้ ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของ ปี 2566 ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายได้รวม 7,274 ล้านบาท เติบโต 54% YoY เป็นผลมาจากภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีการฟื้นตัว ประกอบกับบริษัทฯ สามารถทยอยขายโครงการพร้อมอยู่ (Ready to Move) ที่มีในมือ ควบคู่กับการรักษาการขายในกลุ่มลูกค้าต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันก็ยังทยอยส่งมอบยอดขายรอโอน (Backlog) ที่ในมือได้ตามแผน ซึ่งใน 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ ได้มีการส่งมอบโครงการใหม่ทั้งหมด 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการประเภทคอนโดมิเนียมจำนวน 1 โครงการ คือ โครงการนิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น โครงการประเภทแนวราบจำนวน 2 โครงการ คือ โครงการนิว ไฮบ์ สุขสวัสดิ์ และโครงการโนเบิล อเวย์ ชะอำ ซึ่งเข้ามาหนุนรายได้ให้เติบโตมากขึ้น
นอกจากนี้ กำไรสุทธิสำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 719 ล้านบาท เติบโต 517% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยหลักๆ จะมาจากกำไรจากการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นจากรายได้รวมที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนในบริษัทร่วมทุนคือ
บริษัท พระราม 9 อัลไลแอนซ์ จำกัด เป็นผู้พัฒนาโครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 และบริษัท คูคต สเตชัน อัลไลแอนซ์ จำกัด เป็นผู้พัฒนาโครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน ให้กับบริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD รวมถึงค่าธรรมเนียมต่างๆที่ได้รับในฐานะเป็นผู้บริหารโครงการร่วมทุน ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการบริหารโครงการ (Management Fee) ค่าธรรมเนียมแรงจูงใจ (Incentive Fee) ค่าธรรมเนียมความสำเร็จของธุรกิจ (Success Fee) อีกด้วย