เทรดเก็งกำไรระยะสั้นแบบ Scalping ทำอย่างไร

เทรดเก็งกำไรระยะสั้นแบบ Scalping ทำอย่างไร
วิธีการเก็งกำไรระยะสั้นมากๆ เรียกได้ว่า ทำกำไรกันในหลักนาที หรือ วินาที เราจะเรียกวิธีการเทรดแบบนี้ว่า “Scalping”

การลงทุนในตลาดหุ้นนั้น มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะทั้งลงทุนเพื่อกินปันผล ลงทุนระยะยาว ลงทุนระยะกลางลงทุนระยะสั้น  สายเทคนิค และ สายพื้นฐาน  ล้วนต้องการได้กำไรทั้งสิ้น แต่นักลงทุนและนักเก็งกำไรส่วนใหญ่ มักชอบทำกำไรในระยะเวลาอันสั้น อาจจะใช้เวลาภายใน 1 ชม. ซื้อเช้า ขายบ่าย หรือ 1-2 วัน เนื่องจากเห็นผลกำไรไว ไม่ต้องรอนาน แต่ยังมีอีกหนึ่งวิธีการเก็งกำไรระยะสั้นมากๆ เรียกได้ว่า ทำกำไรกันในหลักนาที หรือ วินาที  เราจะเรียกวิธีการเทรดแบบนี้ว่า “Scalping” 

การเทรดแบบ “Scalping”  ถือว่าเป็นวิธีการเทรดเก็งกำไรที่ยากที่สุด เนื่องจากต้องทำกำไรในระยะเวลาที่สั้น หลักวินาที หรือ นาที และยังต้องใช้ทักษะความรู้หลายๆอย่างพร้อมกันในการเทรดอีกด้วย มีองค์ประกอบหลักๆอยู่ 5 อย่าง คือ กราฟ ช่วงเวลาของตลาด การเชื่อมโยงปัจจัยต่างๆ  Bid-Offer และ พฤติกรรมหุ้นรายตัว (อ้างอิงจากโค้ช Jame Scalper) 
 
ซึ่งการทำกำไรในวิธีนี้ ส่วนใหญ่จะดูกราฟใน Time Frame ที่สั้นมาก อาจจะใช้ Time Frame 5 นาที และทำกำไรกัน 1 – 3 ช่อง หรือ หุ้นวิ่งขึ้นไปแล้วหยุดขึ้นต่อ ก็ขายทำกำไรทันที  กล่าวคือ วิ่งขึ้นไปมีกำไรก็ขาย ทำท่าไม่ไปต่อก็ขาย  หากซื้อหุ้นแล้วไม่วิ่ง จะพิจารณาขายคืนทุน หรือ ยอมขายตัดขาดทุน 1-2 ช่องทันที  จะเห็นได้ว่า การทำกำไรและการตัดขาดทุน จะอาศัยความผันผวนในระยะสั้นมาก เมื่อเทียบกับการเก็งกำไรในวิธีอื่น  จึงทำให้การเทรดเก็งกำไรในวิธีนี้ มีความยากที่จะทำกำไรให้ได้ทุกครั้งที่ซื้อ เพราะเมื่อยิ่งตัดสินใจซื้อหุ้นบ่อยครั้งในวัน จะยิ่งทำให้มีโอกาสเกิดความผิดพลาดได้มากยิ่งขึ้น ต้องใช้ประสบการณ์มากพอสมควรในการอ่านและตีความองค์ประกอบแต่ละอย่าง  ในระยะเวลาสั้นๆ และ สิ่งสำคัญที่สุด คือ วินัยในการเทรด  

หัวใจสำคัญของการเทรดแบบ “Scalping” คือ วินัยในการเทรด  หากถามว่าทำไมวินัยในการเทรดจึงสำคัญมาก เนื่องจากการเทรดแบบ “Scalping” เป็นการเทรดในหุ้นที่เกิดความผันผวนชั่วขณะ ไม่ว่าจะเป็นการเทรดท่า Break Out,  การเทรดท่า Buy On Dip,  การเทรดท่าไม้ตกใจ หรือการเทรดท่า Overlap  

ซึ่งการเทรดในแต่ละท่า ต้องพิจารณาดู 5 องค์ประกอบจากย่อหน้าที่สองร่วมด้วย แต่ไม่ได้บ่งบอกว่า ท่า Breakout แล้วต้องไป  ท่า Buy On Dip แล้วต้องยืนอยู่แล้วเด้ง  ท่าไม้ตกใจลงมาแล้วต้องเด้ง หรือ ท่า Overlap หลุดแล้วต้องดึงกลับ   ในตลาดนี้ จึงไม่มีอะไรตายตัว 100% เสมอไป เพียงแต่ถ้าพฤติกรรมหุ้นวิ่งไปผิดทาง หรือผิดไปจากการคาดการณ์  เราต้องทำตามวินัยในการเทรดของเราอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษากำไรที่ได้ และ จำกัดการขาดทุน 

แต่ส่วนใหญ่แล้ว นัก Scalper ทั้งหลาย มักชอบซื้อหุ้นแบบไล่ราคา กล่าวคือ ซื้อในจังหวะที่หุ้นวิ่งผ่านจุดซื้อไปแล้ว หรือกราฟชันไปแล้ว ทำให้การซื้อในจังหวะนี้ค่อนข้างมีความเสี่ยงที่จะโดนตัดขาดทุนจากการสะบัดแล้วพักตัวใน Time Frame สั้นๆ หรือ จบรอบแล้วลงไปเลย จึงทำให้ในจังหวะที่ไปซื้อไล่ราคามากๆ แล้วหุ้นไม่วิ่งไปต่อ  เราจึงต้องหมั่นทำตามวินัยในการเทรด  เพื่อป้องกันการเสียหายหนักจากการเทรดเก็งกำไรในวิธีนี้

กล่าวโดยสรุปคือ การเทรดเก็งกำไรระยะสั้นแบบ “Scalping” นั้น ต้องใช้ทั้งองค์ความรู้ ประสบการณ์ และวินัยในการลงทุน ไม่ต่างจากวิธีการเทรดเก็งกำไรแบบอื่น เพียงแต่การเทรดจะออกคำสั่งซื้อ-ขายบ่อยกว่า ทำกำไรในระยะเวลาที่สั้นกว่า และสามารถผิดพลาดได้บ่อยครั้งกว่าการเทรดในวิธีอื่น  เพราะฉะนั้นการเทรดในวิธีนี้ ไม่มีรูปแบบที่ตายตัว ขึ้นไปมีกำไรก็ขาย ต่อให้ขายหมูแล้วไปต่อก็ปล่อยไป ผิดทางก็รีบคืนให้ไว  เวลาได้ๆให้มาก เวลาเสียๆให้น้อย  เราจึงจะอยู่รอดในสนามนี้ต่อไปได้
  
 

บทความโดย :  โค้ช ปพนสรรค์  จิรวรรณพันธุ์  super trader         
    

TAGS: #Stock #Scalping