ก.ล.ต. เผยแผนยุทธศาสตร์ ปี 2567 – 2569 มุ่งเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของตลาดทุนไทย เป็นกลไกสำคัญตอบโจทย์ความยั่งยืนประเทศ
รศ.ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. ได้แถลงถึงแผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. ปี 2567 ว่า ภายใต้บริบทปัจจุบันและในระยะ 3 – 5 ปี ข้างหน้า ก.ล.ต. ตั้งเป้าหมายยกระดับความน่าเชื่อถือของตลาดทุนไทย (trust & confidence) ซึ่งไม่เพียงแต่ต้องดำเนินการด้านการกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมายให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมมากขึ้น การตรวจจับความผิดปกติได้ทันการณ์และนำผู้กระทำผิดมาลงโทษได้รวดเร็วด้วยโทษที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังต้องสอดประสานความร่วมมือ (harmonization) กับผู้ร่วมตลาด เพื่อยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพการทำหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องใน value chain ของตลาดทุน
โดย ก.ล.ต. เชื่อมั่นว่าการยกระดับทั้งองคาพยพนี้จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนให้แข็งแกร่งขึ้น เป็นรากฐานในการช่วยบรรเทาผลกระทบและปรับวิกฤตเป็นโอกาส นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังมุ่งผลักดันให้ตลาดทุนไทยมีพัฒนาการที่ต่อยอดจากเดิม โดยปรับเปลี่ยนจุดมุ่งเน้น หรือ shift focus เพื่อตอบโจทย์ประเทศในการปรับตัวสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว และเศรษฐกิจที่ลดความเหลื่อมล้ำจากการมีความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนอย่างยั่งยืน โดยเชื่อมั่นว่าเป้าหมายการสร้างสมดุลระหว่างการกำกับดูแลและการพัฒนาตลาดทุนไทย จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อความยั่งยืนของประเทศต่อไป”
แผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. ปี 2567 – 2569 มุ่งบรรลุเป้าหมายหลัก 4 ด้าน ดังนี้
1) ตลาดทุนมีความน่าเชื่อถือ (trust and confidence)
2) ตลาดทุนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
3) ตลาดทุนเป็นกลไกสำคัญสู่ความยั่งยืน (sustainable capital market)
4) ผู้ลงทุนมีศักยภาพในการสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดี
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้กำหนดให้มีแผนองค์กรนวัตกรรมซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ (enabler) ที่จะช่วยส่งเสริมการขับเคลื่อนและผลักดันภารกิจให้เกิดผลสัมฤทธิ์และบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้
"ในบริบทปัจจุบันปัญหาที่เราเผชิญมีความท้าทายทั้งจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก รวมไปถึงความคาดหวังของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียที่มากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามพัฒนาการของตลาดทุนไทย แต่ดิชั้นและสำนักงาน ก.ล.ต. ก็ยังเชื่อมั่นว่าตลาดทุนไทยก็ยังคงเป็นเช่นเดิม เรายังต้องการตอบโจทย์ของประเทศ แต่ภายใต้บริบทที่เปลี่ยนแปลงไป ภายใต้จุดมุ่นเน้นที่เปลี่ยนแปลง เราต้องการช่วยให้ประเทศมีกลไกลเพิ่มความสามารถในการแข่งขันตอบโจทย์การเปลี่ยนประเทศไปสู่สังคมดิจิทัล ไปสู่สังคมที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน" รศ.ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล กล่าว