‘เอ็กโก กรุ๊ป’ลงทุนเพิ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคในอินโดนีเซีย ขยายพอร์ตต่างประเทศ คาดปิดดีลจบสิ้นปี รับรู้รายได้ทันที
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัท ฟีนิกซ์ เพาเวอร์ บี.วี. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่เอ็กโกถือหุ้นทั้งหมดและจดทะเบียนในประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้นเพิ่มทุนกับบริษัท พีที จันทรา ดายา อินเวสตาสิ (CDI) ในวันที่ 12 ธันวาคม 2566 เพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 30% ของ CDI โดยมีมูลค่าการลงทุน 194 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6,800 ล้านบาท) โดยคาดว่าการซื้อขายหุ้นจะสำเร็จภายในสิ้นปี 2566 หลังจากดำเนินการตามเงื่อนไขต่าง ๆ ในการปิดรายการซื้อขายแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ CDI เป็นบริษัทย่อยในเครือ CAP ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านเคมีและสาธารณูปโภคแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย โดยมีการลงทุนในธุรกิจผลิตและขายไฟฟ้า ธุรกิจผลิตและส่งจ่ายน้ำ และธุรกิจบริหารจัดการคลังเก็บผลิตภัณฑ์เคมีและท่าเทียบเรือ ธุรกิจและการลงทุนของ CDI ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ยุทธศาสตร์และนิคมอุตสาหกรรม เมืองซีเลกอน (Cilegon) และเมืองเซรัง (Serang) จังหวัดบันเต็น (Banten) เกาะชวาตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเขตนิคมอุตสาหกรรมหลักขนาดใหญ่ของประเทศ ที่มีอุปสงค์ทางอุตสาหกรรมสูงและเติบโตอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ CDI ยังมีโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมจำนวน 2 แห่ง ซึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว มีกำลังผลิตรวม 147 เมกะวัตต์ และได้รับสิทธิ์การส่งจ่ายไฟฟ้าแต่เพียงผู้เดียวภายในเขตพื้นที่เมืองซีเลกอน
รวมถึงธุรกิจด้านการผลิตและบำบัดน้ำครบวงจรในเมืองซีเลกอน และมีสัญญาระยะยาวกับลูกค้าอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงทั้งในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ นอกจากนี้ CDIยังให้บริการคลังเก็บผลิตภัณฑ์เคมีและท่าเทียบเรือแบบครบวงจรในพื้นที่ยุทธศาสตร์เมืองเซรังอีกด้วย
“หลังปิดดีลเรียบร้อยแล้ว เอ็กโก กรุ๊ป จะรับรู้รายได้ทันที ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ระยะสั้น โดยให้ความสำคัญในการลงทุนโครงการที่มีคุณภาพสูงที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคนี้ จะช่วยผลักดันให้เอ็กโก กรุ๊ป เข้าสู่ตลาดที่มีศักยภาพของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจและความต้องการพลังงานสูง อีกทั้งยังช่วยสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนต่อไป
การเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของทั้งสองบริษัทนับเป็นหมุดหมายสำคัญของการประสานความเชี่ยวชาญของ CAP ในอุตสาหกรรมเคมีและโครงสร้างพื้นฐาน และความเชี่ยวชาญของ เอ็กโก กรุ๊ป ในอุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งมีศักยภาพในการต่อยอดความร่วมมือกันในอนาคต” นายเทพรัตน์ กล่าว