จีน เดินหน้าเร่งล้ม เปโตรดอลลาร์ อย่างต่อเนื่อง หลังจากล่าสุดประกาศซื้อ ทองคำ เพิ่มอีก 30 ตัน ซึ่งถือเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันแล้ว สำหรับการซื้อทองคำของจีน
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2022 ทาง the World Gold Council หรือ สภาทองคำโลก ได้รายงานว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2022 นั้น ธนาคารกลางทั่วโลกมีการเข้าซื้อทองคำมากถึง 400 ตัน ซึ่งถือเป็นสถิติของการซื้อเข้าภายในไตรมาสเดียวของอุตสาหกรรมนี้อีกด้วย
นอกจากนี้ทาง สภาทองคำโลก ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ‘ทองคำ’ จำนวนมากถูกซื้อโดยไม่เปิดเผยชื่อ ตรงนี้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าคือ ประเทศจีน
หลังจากนั้นไม่นานคำตอบก็เหมือนได้รับการยืนยัน โดยในช่วงราว ๆ วันที่ 7 ธันวาคม 2022 ทางการของจีนผ่านธนาคารกลางแห่งประเทศจีน หรือ the People's Bank of China ได้ปล่อยตัวเลขทองคำสะสมในคลัง ปรากฏว่ามีการซื้อเข้าราว 32 ตันในพฤศจิกายน 2022 ซึ่งถือเป็นการรายงานตัวเลขทองคำในคลังเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปีเลยทีเดียว
โดยครั้งสุดท้ายที่พวกเขารายงานต้องย้อนกลับไปไกลถึงเดือนกันยายน 2019 (ซึ่งตอนนั้นถ้าใครจำกันได้ที่สหรัฐมีวิกฤตสภาพคล่องเกิดขึ้นในตลาด Repo) หลังจากนั้นขึ้นปีใหม่ได้ไม่นานทางธนาคารกลางแห่งประเทศจีน ก็ได้ปล่อยตัวเลขการซื้อทองคำอีก 30 ตันในเดือนธันวาคม 2022 ทำให้ตอนนี้ทองคำรวมในคลังของพวกเขาขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2,010 ตัน
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคู่ขนานไปกับเหตุการณ์นี้ก็คือในช่วงวันที่ 7 ธันวาคม 2022 ที่ผ่านมาถ้าใครจำกันได้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางไปเยือนผู้นำซาอุดีอาระเบียถึงกรุงริยาดเพื่อเข้าประชุมสุดยอดจีน-รัฐอาหรับ ครั้งที่ 1 และการประชุมสุดยอดจีน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ หรือ GCC
โดยไฮไลท์สำคัญอยู่ในวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ซึ่งทางประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนได้เรียกร้องต่อบรรดาผู้นำชาติอาหรับว่าจีนต้องการที่จะซื้อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติด้วยสกุลเงินหยวน!!
การประกาศเช่นนี้ออกจากปากผู้นำสูงสุดของจีน เท่ากับเป็นการเปิดแนวรบทุกสมรภูมิระหว่างพวกเขากับสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อย
คำถามที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ ในช่วงงานประชุม G20 กับ APEC ทางประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็ไปด้วยตัวเองและแน่นอนว่าก็มีการเซ็นข้อตกลงการลงทุนและการค้าไปไม่น้อย คำถามคือ ในข้อตกลงจีนระบุให้การลงทุน การขายสินค้า และบริการต่าง ๆ ใช้สกุลเงินอะไรในการชำระ?
ขณะที่ปริมาณการถือพันธบัตรสหรัฐของประเทศจีนก็มีการปรับลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 980,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 13.7% ของหนี้ที่ถือโดยต่างชาติของสหรัฐ โดยตัวเลขนี้ลดลงจากปี 2019 ที่ 1,113,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 17.3% ของหนี้ที่ถือโดยต่างชาติของสหรัฐ
แน่นอนว่าจีนนั้นได้เรียนรู้จากรัสเซียไม่น้อยในช่วงตลอด 1 ปีที่ผ่านมา หลังรัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารใส่ยูเครนในช่วงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2022
หลังจากนั้นรัสเซียถูกเหล่าชาติมหาอำนาจทางฝั่งตะวันตกที่นำโดย อังกฤษ และ สหรัฐอเมริกา ติดอาวุธผ่านเงินดอลลาร์สหรัฐ ด้วยการยึดเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซีย พร้อมตัดพวกเขาออกจากระบบ SWIFT ซึ่งถือเป็นระบบการชำระเงินระหว่างประเทศที่ถูกควบคุมโดยสหรัฐ พร้อมมอบมาตรการแซงก์ชั่นมากมายให้กับพวกเขาแบบชนิดที่เรียกว่ากะให้เศรษฐกิจรัสเซียล่มสลายไปเลย
ตรงนี้เองที่ทำให้จีนตระหนักถึงความอันตรายในการถือครองพันธบัตรสหรัฐจำนวนมหาศาลอยู่ในมือ โดยเฉพาะหากพวกเขาต้องตัดสินใจบุกไต้หวันขึ้นมาจริง ๆ การถือพันธบัตรสหรัฐจำนวนคือความเสี่ยงที่พวกเขาต้องเร่งลดลงเพื่อให้อยู่ในวงจำกัดที่สามารถยอมรับได้
เพราะฉะนั้นการถือ ‘ทองคำ’ เพิ่มขึ้นในตอนนี้ตามการรายงานของธนาคารแห่งชาติของจีนจึงเหมือนเป็นการกระจายความเสี่ยงด้านการเงินของประเทศ (ตัวเลขที่ 2,010 ตัน จากรายนงานของ PBOC นั้น นักวิเคราะห์ด้านทองคำมองว่าน่าจะเป็นเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ เท่านั้นที่จีนถือครองอยู่) และเหมือนเป็นการเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนผ่านทางการเงินครั้งใหญ่ที่จะต้องใช้สินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำมาหนุนหลังหรือเป็นสื่อกลางในการชำระ
ซึ่งแน่นอนว่าทันทีที่จีนประกาศปริมาณทองคำแท้จริงในคลังมันจะนำไปสู่การสูญเสียมูลค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐที่พวกเขาถืออยู่ผ่านพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งแน่นอนว่าหลายประเทศจะได้รับผลกระทบจากกระบวนการนี้ กระบวนการทั้งหมดจึงต้องเป็นไปอย่างช้า ๆ เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกระจายความเสี่ยงจนแล้วเสร็จ ก่อนที่การประกาศอย่างเป็นทางการจะตามมา
เรื่อง : เอกพล มงคลพัฒนกุล
หมายเหตุ : รอยเตอร์ ได้เผยว่า แหล่งข่าวในซาอุฯของพวกเขามองว่า การขายน้ำมันดิบในปริมาณเล็กน้อยผ่านสกุลเงินหยวนถือเป็นเรื่อง “สมเหตุสมผล” แต่ก็ “ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม” เสียทีเดียว เนื่องจากทรัพย์สินและเงินทุนสำรองระหว่างประเทศส่วนใหญ่ของซาอุดีอาระเบียยังคงอยู่ในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันที่ริยาดถือครองอยู่มากกว่า 120,000 ล้านดอลลาร์
