สิงห์ เอสเตทเตรียมจ่ายปันผลหลังรายได้โตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 12,530 ล้านบาท พร้อมกำไรสุทธิ 490 ล้านบาท พร้อมยอดขายบ้านศิรนินทร์เกินเป้า และโรงแรมฟื้นตัวเร็ว
บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ประกาศรายได้ปี 2565 กว่า 12,530 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์และมีกำไรสุทธิ 490 ล้านบาท พร้อมจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้น 0.02 บาทต่อหุ้น
ในปี 2565 บริษัทฯ ปรับกลยุทธ์ให้ตอบสนองต่อสถานการณ์ตลาดและกระตุ้นการสร้างรายได้จากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเต็มประสิทธิภาพส่งผลให้รายได้สามารถสร้างnew high ในปีที่ผ่านมา
สำหรับกลุ่มธุรกิจที่พักอาศัยประเภทบ้านแนวราบมีผลงานโดดเด่นสร้างยอดขายให้เติบโตอย่างรวดเร็วภายหลังใช้เวลาเพียง 1ปีในการปั้นโครงการใหม่ออกสู่ตลาดและเปิดตัวในปีที่ผ่านมาเนื่องจากลูกค้าให้การยอมรับในคุณภาพและเชื่อมั่นในมาตราฐานของสิงห์เอสเตท
ด้าน ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด(มหาชน) หรือ ‘S’ เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการที่ดีในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการผลักดันรายได้ในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ ควบคู่การบริหารต้นทุนอย่างเข้มข้น
ผลส่งให้เรามีกำไรสุทธิ 490 ล้านบาทในปี 2565 โดยบันทึกกำไรสามไตรมาสติดต่อกัน จึงถือได้ว่าปี 2565 นี้เป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวความสำเร็จของสิงห์ เอสเตท จากความทุ่มเทในการปรับตัวเพื่อเอาชนะความท้าทายต่อสภาวะตลาดและสภาพเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว
ทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2566
ในส่วนของธุรกิจในกลุ่มโรงแรม คาดว่าจะเติบโตโดดเด่นกว่าปี 2565 เนื่องจากเราเห็นโมเมนตัมที่ดีของการฟื้นตัวในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 ต่อเนื่องมาช่วงต้นปี 2566โดยเฉพาะโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ และความสำเร็จของการพัฒนาบริหารแบรนด์ SAii ที่ช่วยผลักดัน ADR ให้สูงกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ถึง 17%
โดยแรงส่งสำคัญนี้ ผนวกกับความต้องการท่องเที่ยวที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนการบริหารพอร์ตอย่างมีประสิทธิภาพของ SHR ทั้งภาคการตลาดเชิงรุกการเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่และตลาดที่มีกำลังซื้อคาดว่าจะช่วยผลักดันรายได้ของพอร์ตโรงแรมโดยรวมเติบโตได้ถึง 20%
เสริมด้วยการเปิดดำเนินการของโรงแรมโซ/ มัลดีฟส์ (So/ Maldives)รีสอร์ทแห่งที่ 3 บนโครงการครอสโร้ดส์มัลดีฟส์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2566
ส่วนอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย บริษัทฯมุ่งพัฒนาโครงการบ้านแนวราบหลังจากที่ได้มีการปรับโครงสร้างใหญ่ในธุรกิจที่พักอาศัยได้เพียง 1 ปี พร้อมเดินหน้ารุก 5โครงการบ้านแนวราบใหม่รวมมูลค่าราว 10,000 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์สร้างบ้านคุณภาพ บนมาตรฐานสิงห์ เอสเตท ซึ่งจะทยอยเปิดตัวในปี 2566 พร้อมรับรายได้ภายในปี ช่วยผลักดันรายได้จากธุรกิจที่พักอาศัยให้เติบโตเกือบเท่าตัว
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าจะเติบโตจากยอดรายรับเต็มปีของอาคาร S-OASIS อาคารสำนักงานเพื่อคนรุ่นใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานแบบไฮบริด ซึ่งเป็นความต้องการของเทรนด์การทำงานในปัจจุบัน มีพื้นที่เช่าขนาดใหญ่กว่า 54,000 ตารางเมตรพร้อมสิ่งอำนวยสะดวกที่ทันสมัย รักษาสิ่งแวดล้อมบนมาตราฐานระดับสากล ซึ่งช่วงปลายปี 2565 อาคาร S-OASIS มีผู้เช่าหลักเข้ามาจับจองพื้นที่แล้ว ส่งผลดีต่อการเพิ่มอัตราการปล่อยเช่าในปี 2566 นี้
นิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน คาดการณ์กิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์จะเป็นไปตามแผนในปี 2566เพราะได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศและความต้องการพื้นที่ของโรงงานอุตสาหกรรมโดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องพร้อมปัจจัยการกระตุ้นจากภาครัฐ หนุนด้วยการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า 2 แห่ง ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผลักดันผลกำไรของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง