BEAUTY เตรียมปั้นโมเดลธุรกิจใหม่ เดินหน้าปรับภาพลักษณ์แบรนด์ หวังเทิร์นอะราวด์

BEAUTY เตรียมปั้นโมเดลธุรกิจใหม่ เดินหน้าปรับภาพลักษณ์แบรนด์ หวังเทิร์นอะราวด์
BEAUTY เผยแนวโน้มธุรกิจปี 66 ตั้งเป้าเทิร์นอะราวด์ ชูกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจ พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ ปรับโครงสร้างบริหารจัดการ เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ 

 

ดร.พีระพงษ์  กิติเวชโภคาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิวภายภายใต้แบรนด์ บิวตี้ บุฟเฟต์ (BEAUTY BUFFET) บิวตี้ คอทเทจ (BEAUTY COTTAGE) และบิวตี้ มาร์เก็ต (BEAUTY MARKET) กล่าวถึงแผนธุรกิจปี 2566 คาดว่าผลประกอบการจะมีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับ และตั้งเป้าหมายจะพลิกกลับมามีกำไรในปีนี้ หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทฯมีผลขาดทุนสุทธิ 3 ปีติด

ปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 104.88 ล้านบาท

ปี 2564 ขาดทุนสุทธิ 80.77 ล้านบาท

ปี 2565 ขาดทุนสุทธิ 67.68 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่าบริษัทฯมีผลขาดทุนลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมา BEAUTY ก็ได้มีการปรับแผนธุรกิจอยู่เสมอเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคและให้สามารถสู้กับคู่แข่งตลาดได้ ถึงแม้จะดูค่อนข้างลำบากที่จะพาตัวเองกลับเข้าไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดที่เคยทำได้ เพราะปัจจุบันเราต้องยอมรับว่าตลาดเครื่องสำอางและบำรุงผิวในบ้านเรามีการแข่งขันกันหนักมากเมื่อเทียบกับในอดีต

ปรับเปลี่ยนนิยามและภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์

สำหรับปี 2566 บริษัทฯจะเดินหน้าปรับเปลี่ยนนิยามและภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ภายใต้ร้าน BEAUTY BUFFET ไม่ว่าจะเป็นเซนทิโอ (SCENTIO) บิวตี้ คอทเทจ (BEAUTY COTTAGE) แลนซ์เลย์ (LANSLEY) และเมด อิน เนเจอร์ (MADE IN NATURE)

นอกจากนี้ บริษัทฯยังคงมุ่งเน้น 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่  1.พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ (Re Model)  2. ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ (Refresh Branding) 3.ปรับโครงสร้างบริหารจัดการ เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ (Re Structuring) เพื่อพัฒนาธุรกิจให้กลับมาแข็งแกร่งภายใน 3 ปี

โดยช่วงต่อจากนี้ ตลาดในประเทศบริษัทฯจะเร่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆในกลุ่ม BEAUTY & WELLNESS ออกสู่ตลาดแมส ( Mass Market ) ส่วนช่องทางจำหน่ายยังคงเดินหน้าขยายช่องทางสินค้าอุปโภค (consumer product ) ไม่ว่าจะเป็นโมเดิร์นเทรด เช่น บิ๊กซี โลตัส ท๊อป วัตสัน CJ Express ฯลฯ และเจอร์เนอร์รัลเทรด กระจายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายไปสู่ร้านค้าปลีกในระดับอำเภอ โดยปรับรูปแบบสินค้าให้มีขนาดและราคา ที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ ความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งคัดเลือกตัวแทนจำหน่ายที่มีศักยภาพในพื้นที่ต่างๆ

ขณะที่ร้านค้าปลีก BEAUTY BUFFET SHOP รูปแบบใหม่จำนวน 10 แห่ง มีกระแสตอบรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยอดขายเติบโตขึ้นทุกจุดจำหน่าย ทั้งนี้บริษัทมีแผนขยายช่องทางจำหน่ายและทยอยปรับปรุง BEAUTY BUFFET SHOP อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการสื่อสารการตลาดด้วยภาพลักษณ์ใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์แบบ O2O เต็มรูปแบบ และพรีเซนเตอร์ที่หลากหลาย

สำหรับช่องทาง E-Commerce จะเน้นเพิ่มความสามารถการนำเสนอสินค้ากับกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น พัฒนาระบบบริหารจัดการสินค้าให้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งเพิ่มแพลตฟอร์มการเข้าถึงสินค้าให้มีความหลากหลายทั้งเว็บไซต์ของบริษัท, Market Place ชั้นนำ, Social Media ที่มีศักยภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการการเข้าถึงได้ทุกช่องทาง

ส่วนช่องทางตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายใน 11  ประเทศ ประกอบด้วย จีน ซาอุดิอาระเบีย  ฮ่องกง ไต้หวัน อินโดนีเซีย เวียดนาม พม่า ลาว มาลเซีย  อินเดีย ญี่ปุ่น ยอดขายในกลุ่มประเทศดังกล่าวมีสัญญาณที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งบริษัทมีแผนขยายตัวแทนจำหน่ายในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อกระจายสินค้าและเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง

 

 

 

TAGS: #BEAUTY #BEAUTYBUFFET