แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ปรับแผนบริหารพอร์ต/กระจายเสี่ยงธุรกิจ ลงทุน 2.4 พันล.บาทซื้อโรงแรมในแอลเอ สหรัฐฯ มองผลตอบแทนสูง 6-7% ต่อปี เล็งออกหุ้นกู้ 1.6 หมื่นล.บาทขยายธุรกิจ
วิทย์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการสายงานสนับสนุน บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือ LH เปิดเผยว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ปรับการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาพตลาด โดยเริ่มขยายไปยังธุรกิจโรงแรม และศูนย์การค้ามากขึ้น อาทิ Terminal 21 พระรามสาม มูลค่า 3,700 ล้านบาท แกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ มูลค่า 2,300 ล้านบาท และเริ่มขยายธุรกิจไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น อพาร์ตเมนต์ Parc มูลค่าลงทุน 135 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, โรงแรม SpringHill มูลค่า 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นต้น
ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จาก 3 ทาง ได้แก่
- ธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจหลักของบริษัท
- ธุรกิจสร้างรายได้ประจำ อาทิ โรงแรม ห้าง
- ธุรกิจการลงทุนต่าง ๆ อาทิ ทรัสต์เพื่อการลงทุนสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) ที่ปัจจุบันลงทุนในสัดส่วน 26.17% และได้รับอัตราตอบแทนเฉลี่ย (ยีลด์) 10% ต่อปี
สำหรับใน ปี 2567 บริษัทฯ วางงบลงทุนรวม 11,500 ล้านบาท แบ่งเป็น
- งบซื้อที่ดิน 5,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่วางงบไว้ 6,100 ล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนส่วนอสังหาเพื่อเช่ามากขึ้น
- งบลงทุนอสังหาเพื่อเช่า 6,500 ล้านบาท แบ่งเป็น 4,000 ล้านบาท พัฒนา 3 โรงแรม แกรนด์เซ็นเตอร์พอยต์ สาขาลุมพินี ราชดำริ และพัทยา 3 ส่วนที่เหลืออีกราว 2,500 ล้านบาท ลงทุนโรงแรมในลอสแอนเจลิส (แอลเอ) ประเทศสหรัฐอเมริกา
“จากเดิมบริษัทฯ เน้นลงทุนอพาร์ตเมนต์ในอเมริกา เนื่องจากอเมริกา ดอกเบี้ยต่ำ 3% แต่ผลตอบแทนจากธุรกิจอพาร์ตเมนต์สูงราว 4%” วิทย์ กล่าว
โดยช่วง2 ปีก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้เริ่มเข้าไปลงทุนโรงแรม SpringHill ทำเลตรงข้ามสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ซึ่งให้ผลจตอบแทน (ยีลด์) สูงถึง 6-7% ต่อปี และได้มีการปรับโฉมใหม่ช่วยผลักดันยีลด์ ขึ้นไปอยู่ที่ 8.5%
อย่างไรก็ตาม จากวิกฤตเงินเฟ้อผลักดันอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกาสูงขึ้น ทำให้การลงทุนอพาร์ตเมนต์ไม่คุ้มค่า ด้วยมีอัตราผลตอบแทน 4% โดยปี 2567 บริษัทได้เริ่มเจรจาข้อตกลงซื้อขายโรงแรมแห่งใหม่ ในเมืองลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยงบลงทุน 68 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2,400 ล้านบาท โดยใช้เงินกู้จากในประเทศไทย ที่มีภาระดอกเบี้ยเฉลี่ยเพียง 2.7% ในการเข้าซื้อโรงแรมดังกล่าว คาดว่าจะทำเงินได้ภายในไตรมาส 1 ปีนี้ จากจุดเด่นโรงแรม ในทำเลใกล้สนามกีฬา รองรับกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ห้องพักระยะยาว 5-6 วัน
นอกจากนี้ ในปี 2567 บริษัทฯ เตรียมออกหุ้นกู้ มูลค่า 16,000 ล้าน 3 รุ่น มีระยะเวลาต่างกัน คือ 3 ปี, 2 ปี 6 เดือน และ 2 ปี เพื่อถั่วเฉลี่ยให้ดอกเบี้ยต่ำอยู่ที่ 2.75% จากเดิมจะเป็นรุ่นเดียว อายุ 3 ปี สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนและลงทุนโครงการต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม การออกหุ้นดังกล่าว ท่ามกลางข้อกังวลสถานการรณ์หุ้นกู้ในขณะนี้ บริษัทฯ ยังไว้วางแผนรองรับ กรณีหุ้นกู้ไม่ได้รับการตอบรับมากเท่าที่ควร โดยบริษัทฯ จะนำที่ดินของบริษัทฯ ที่อยู่ในแผนการพัฒนาในอนาคตออกมาทำProject Loan เพื่อขอกู้เงินจากสถาบันการเงินแทน ซึ่งมีแผนนำที่ดินมูลค่า 5,000-6,000 ล้านบาท มาใช้ จากจำนวนแลนด์แบงก์ทั้งหมดที่มีมูลค่า 15,000 ล้านบาท