JKN เผยปรับโครงสร้างผู้ถืหุ้นใน JKN Legacy เป็นการถือหุ้นทางอ้อม เพื่อรับการขยายตัวสู่ระดับสากล-เพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ยันไม่ได้ทำเพื่อเลี่ยงกฏหมายล้มละลาย
บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) หรือ JKN ชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ในประเด็น เหตุผลและความจําเป็นในการปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน JKN Legacy จากการถือหุ้นทางตรง เป็นการถือหุ้นทางอ้อมก่อนยื่นฟื้นฟูกิจการผ่านศาลในเวลาไม่นาน
โดยบริษัทฯ ประสงค์หาผู้ลงทุนเพื่อเข้าลงทุนใน JKN Legacy, Inc. (“JKN Legacy”) มาก่อนที่จะทราบความจําเป็นในการยื่นคําร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว เพื่อหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระดับโลกที่สําคัญที่สามารถมาพัฒนาศักยภาพและความพร้อมด้านเงินทุนของ JKN Legacy บริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจองค์กรนางงามจักรวาล (Miss Universe organization : MUO) และครอบครองลิขสิทธิ์นางงามจักรวาล (Miss Universe) และสามารถนําประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมาร่วมกันขับเคลื่อนธุรกิจและต่อยอดแบรนด์ Miss Universeไปสู่ผลิตภัณฑ์และการให้บริการในระดับพรีเมียมได้
บริษัทฯขอเรียนว่า ในช่วงเดือนสิงหาคม 2566 บริษัทฯ ได้รับการติดต่อจาก นายราหูล โรชาร์ คานทู (Mr. Raul Rocha Cantu) ซึ่งเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกับ JKN Legacy มาก่อน และเป็นผู้ถือหุ้นของ Legacy Holding Group USA Inc.(“ผู้ซื้อ”) นิติบุคคลจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของรัฐเดลาแวร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ผู้บริหารของบริษัทฯ ว่ามีความสนใจเข้าลงทุนและเป็นหุ้นส่วนใน JKN Legacy
โดยในระหว่างการเจรจาข้อตกลงการเข้าลงทุนใน JKN Legacy บริษัทฯ เล็งเห็นถึงความจําเป็นในการปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน JKN Legacy เพื่อให้เหมาะสมกับผู้ลงทุนต่างประเทศ และก่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดแก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ โดยมีเหตุผลและความจําเป็น
ดังต่อไปนี้
1. การปรับโครงสร้างเป็นไปเพื่อให้บริษัทฯ เข้าถึงผู้ลงทุนและแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากกลุ่มผู้ลงทุนขนาดใหญ่ที่จะมีคุณสมบัติเหมาะสมเข้ามาเป็นพันธมิตรในธุรกิจMUO ได้ มักมีที่ตั้งของบริษัทและมีการประกอบธุรกิจหลักส่วนใหญ่อยู่ที่ต่างประเทศ
2. การปรับโครงสร้างจะทําให้ JKN Legacy และบริษัทย่อยของบริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจไปสู่ตลาดสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับแผนการและกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจและต่อยอดแบรนด์ Miss Universeของบริษัทฯ เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุดต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ
3. การปรับโครงสร้างจะทําให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ JKN Legacy และบริษัทย่อยของบริษัทฯ ในเชิงธุรกิจ รวมถึงทําให้การบริหารเงินทุน และรายได้ของ JKN Legacyและบริษัทย่อยดังกล่าวมีประสิทธิภาพ เกิดความชัดเจน และมีการแบ่งแยกกลุ่มธุรกิจอย่างมีความเหมาะสม
4. การปรับโครงสร้างเป็นการปรับเตรียมโครงสร้างเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ MUO ไปสู่ตลาดสากลโดยบริษัทฯ ประสงค์ให้ JKN Global Content เป็นบริษัทแกนหลักในการขยายหน่วยธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ รวมถึงเพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าถึงตลาดทุนในต่างประเทศซึ่งมีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ต่อไป
5. การปรับโครงสร้างจะช่วยส่งเสริมการแบ่งประเภทกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ (Grouping)อันเป็นการจัดโครงสร้างที่ช่วยเอื้อให้เกิดโอกาสในการขยายการเติบโตทางธุรกิจของบริษัทฯ ไปยังต่างประเทศ โดยบริษัทฯ เล็งเห็นว่าประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีตําแหน่งทางธุรกิจและมีศักยภาพที่ดีอันจะช่วยส่งเสริมโอกาสของธุรกิจให้แก่บริษัทฯ
ในการนี้ บริษัทฯ จึงได้ปรับโครงสร้าง JKN Legacy และบริษัทย่อยของบริษัทฯ โดยวิธีการขายหุ้นทั้งหมดใน JKN Legacy จํานวน 1,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100 ของหุ้นทั้งหมด ให้กับ JKN Global Content ในราคา 14,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยได้ดําเนินการโอนหุ้นดังกล่าวเพื่อปรับโครงสร้างการถือหุ้นแล้วเสร็จสมบูรณ์ ในวันที่ 11 ตุลาคม 2566(“การปรับโครงสร้างการถือหุ้นฯ”)
ภายหลังการปรับโครงสร้างการถือหุ้นฯ บริษัทฯ และผู้ซื้อได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นใน JKN Legacy บริษัทฯ จึงได้ดําเนินการให้ JKN Global Content เข้าทําสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ซื้อ เพื่อตกลงขายหุ้นใน JKNLegacyจํานวน 500 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ของหุ้นทั้งหมดใน JKN Legacy รวมถึงกําหนดเงื่อนไขและหน้าที่ระหว่างคู่สัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นให้เสร็จสมบูรณ์ตามสัญญาซื้อขายหุ้น ฉบับลงวันที่ 20 ตุลาคม 2566
บริษัทฯ ขอเรียนว่า การขายหุ้นใน JKN Legacyจํานวน 500 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ของหุ้นทั้งหมดใน JKNLegacy ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงผลทางกฎหมายของบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการฟื้นฟูกิจการ
ซึ่งบริษัทฯ ได้ยื่นคําร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางใน วันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 แต่เป็นการดําเนินการตามแผนที่บริษัทฯ มีมาก่อนจะทราบถึงความจําเป็นในการยื่นคําร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ซึ่งเป็นแผนในการพัฒนาศักยภาพและต่อยอดแบรนด์ MUO ไปสู่ตลาดสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ตามรายละเอียดที่ระบุข้างต้น