จับกลยุทธ์การลงทุน ‘EGCO Group’ เน้น Strategic Location มุ่งสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน

จับกลยุทธ์การลงทุน ‘EGCO Group’ เน้น Strategic Location มุ่งสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน
‘EGCO Group’ชูกลยุทธ์ Strategic Location เลือกลงทุนทำเลยุทธศาสตร์ ดีมานด์ไฟฟ้าสูงใกล้แหล่งเชื้อเพลิง พร้อมรุกพลังงานสะอาดแบบคู่ขนาน

‘EGCO Group’ เดินหน้าช้อปโครงการต่างแดน ชูกลยุทธ์ Strategic Location เน้นเลือกลงทุน โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในทำเลยุทธศาสตร์ ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง-ใกล้แหล่งเชื้อเพลิง ควบคู่รุกพลังงานสะอาดต่อเนื่อง ย้ำเป้าหมายเดินหน้าเพิ่มสัดส่วนพอร์ตโรงไฟฟ้าสีเขียว 30% ภายในปี 2030

เทรนด์โลกในยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานผลักดันให้ธุรกิจไฟฟ้ามีการปรับกลยุทธ์ขนานใหญ่มาระยะหนึ่ง เพื่อให้สอดคล้องกับโจทย์เดิมที่ระบบไฟฟ้าหลักต้องป้อนไฟฟ้าให้มั่นคงและมีเสถียรภาพ ควบคู่ไปกับบริบทใหม่ที่ต้องช่วยบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ผ่านการปรับกลยุทธ์เพื่อตอบโจทย์การผลิตไฟฟ้าในยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเช่นกัน

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group ฉายภาพว่า “แม้ว่าความต้องการไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงหลัก (Conventional) จะมีแนวโน้มลดลงในอนาคต แต่ปัจจุบัน ในยามที่การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนยังไม่สามารถพึ่งพาได้เต็มร้อย โรงไฟฟ้า Conventional จะยังทำหน้าที่เป็นทั้งไฟฟ้าหลักและไฟฟ้าสำรองให้กับระบบ เนื่องจากยังมีต้นทุนต่ำและมีเสถียรภาพ สำหรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนควบคู่กับระบบกักเก็บไฟฟ้า (Battery Energy Storage) แม้จะตอบโจทย์เรื่องการบรรเทาภาวะโลกร้อน แต่ในด้านเสถียรภาพไฟฟ้าก็ยังต้องรอเทคโนโลยีและต้นทุนที่เหมาะสมอีกระยะ ดังนั้นยังมีความจำเป็นต้องลงทุนโรงไฟฟ้า Conventional และพลังงานหมุนเวียนควบคู่กันในยุคเปลี่ยนผ่าน”

 EGCO Group จึงต้องแสวงหากลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ คือทำอย่างไรจะทำให้ธุรกิจเติบโตไปได้อย่างสมดุลและยั่งยืน ทั้งในด้านการผลิตไฟฟ้าอย่างมีเสถียรภาพ ราคาแข่งขันได้ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

จึงเป็นที่มาของกลยุทธ์การลงทุนแบบ Strategic Location ที่เน้นการลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียนที่ตอบโจทย์เรื่องการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ในทำเลยุทธศาสตร์ และสร้างโอกาสต่อยอดการลงทุนพลังงานสะอาดกับพันธมิตรในอนาคต

นายเทพรัตน์ กล่าวถึงกลยุทธ์ Strategic Location ว่า หลายคนอาจมองว่า เหตุใด EGCO Group จึงเข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้าเก่าในต่างประเทศหลายแห่ง โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเรามองเห็นความได้เปรียบทางธุรกิจที่แตกต่าง โดยทำเลที่ตั้งเป็นสิ่งสำคัญ โรงไฟฟ้าหลายแห่งที่ EGCO Group เข้าไปลงทุนเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการไฟฟ้าปริมาณสูงอยู่แล้ว นอกจากจะตอบโจทย์เรื่องการรับรู้รายได้ ทั้งรายได้
จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และจากตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญคือ โรงไฟฟ้าเหล่านั้นมีทำเลที่ตั้งใกล้ระบบส่งและแหล่งเชื้อเพลิง เช่น แหล่งก๊าซธรรมชาติ และโครงข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ซึ่งทำให้เรามีต้นทุนต่ำลงได้

“ส่วนข้อจำกัดเรื่องเทคโนโลยีโรงไฟฟ้า เรามีประสบการณ์ในธุรกิจไฟฟ้ามานาน มองว่าเทคโนโลยีสามารถปรับปรุงได้ และโรงไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่ก็เดินเครื่องได้ถึง 40-50 ปี แต่สิ่งที่เราปรับปรุงไม่ได้คือทำเลที่ตั้งของโรงไฟฟ้า” นายเทพรัตน์ กล่าว

กลยุทธ์ Strategic Location สะท้อนผ่านการลงทุนในปี 2566 ของ EGCO Group ได้แก่ การปิดดีลซื้อหุ้น 49% ใน “โรดไอแลนด์ สเตท เอ็นเนอร์ยี่ เซ็นเตอร์ แอลพี” (RISEC) เจ้าของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง กำลังผลิต 609 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในเมืองจอห์นสตัน รัฐโรดไอแลนด์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณที่มีความต้องการพลังงานไฟฟ้าสูงมากของเมืองบอสตันและเมืองโพรวิเดนซ์ รวมทั้งยังเป็นโรงไฟฟ้าที่มีส่วนช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยมีการเตรียมการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ และการใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงผสมในการผลิตไฟฟ้าในอนาคต

นอกจากนี้ EGCO Group ได้เข้าลงทุน 50% ใน “กลุ่มโรงไฟฟ้า Compass” กำลังผลิตรวม 1,304 เมกะวัตต์ ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่ง ได้แก่  1. Marcus Hook กำลังผลิต 912 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในรัฐเพนซิลเวเนีย 2. Milford กำลังผลิต 205 เมกะวัตต์ และ 3. Dighton กำลังผลิต 187 เมกะวัตต์ ซึ่งทั้งสองแห่งนี้ตั้งอยู่ในรัฐแมสซาชูเซตส์ โรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ ใกล้กับศูนย์กลางของเมืองใหญ่ที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงมาก ได้แก่ ฟิลาเดลเฟีย บอสตัน และพรอวิเดนซ์ โดยพื้นที่เหล่านี้มีข้อจำกัดอย่างมากในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ และมีนโยบายมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านทางพลังงานไปสู่การใช้พลังงานสะอาด ซึ่งจำเป็นต้องมีกำลังผลิตไฟฟ้าที่เสริมความมั่นคงให้แก่ระบบ

ในด้านการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสีเขียวเข้าพอร์ตการลงทุน วันนี้ EGCO Group ถือหุ้น 17.46% ใน Apex ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนแบบครบวงจรในสหรัฐอเมริกา ด้วยโครงการที่อยู่ใน Pipeline 238 โครงการ กำลังการผลิตรวม 60,543 เมกะวัตต์ ซึ่งการลงทุนใน Apex ทำให้ EGCO Group มีโมเดลธุรกิจใหม่ แบบไฮบริด คือ การพัฒนาโรงไฟฟ้าเพื่อขายโรงไฟฟ้า และการพัฒนาโรงไฟฟ้าเพื่อเก็บไว้เดินเครื่องเองบางส่วน ซึ่งเพิ่มโอกาสในการเพิ่มสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของ EGCO Group รวมถึงช่วยกระจายความเสี่ยงและสร้างโอกาสการลงทุนจากโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ

ปัจจุบัน Apex มีโครงการที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์เองจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม Great Pathfinder กำลังผลิต 224.25 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ Mulligan Solar กำลังผลิต 70 เมกะวัตต์ ขณะที่มีโครงการพลังงานสะอาดอยู่ระหว่างการก่อสร้างทั้งหมด 7 โครงการ ประกอบด้วย โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 3 แห่ง กำลังผลิต 520 เมกะวัตต์ โครงการพลังงานลม 2 แห่ง กำลังผลิต 315 เมกะวัตต์ และโครงการระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ 2 โครงการ กำลังผลิต 200 เมกะวัตต์

นายเทพรัตน์ กล่าวถึง แผนการลงทุนในปี 2567 ว่า กำหนดเงินลงทุนไว้ 30,000 ล้านบาท และมีเป้าหมายจะเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นอีก 1,000 เมกะวัตต์ ด้วยวิธีเข้าซื้อกิจการ (M&A) ทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียนเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าผลการดำเนินงานจะมีทิศทางที่ดี เนื่องจากมีโรงไฟฟ้าใหม่ที่ทยอยจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) อย่างต่อเนื่องในปี 2567 ได้แก่ โครงการพลังงานหมุนเวียนภายใต้ Apex โรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration ส่วนขยาย จ.ระยอง รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานลม Yunlin และสามารถรับรู้รายได้เต็มปีจากการลงทุนใหม่ที่เกิดขึ้นในปี 2566 ที่ผ่านมา

ปัจจุบัน EGCO Group มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นในพอร์ตโฟลิโอรวม 6,996 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าทั้งหมด 42 แห่ง แบ่งเป็นกำลังผลิตที่อยู่ต่างประเทศในสัดส่วน 58% ครอบคลุม 7 ประเทศ คือ  สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย ไต้หวัน และอินโดนีเซีย โดยเป็นกำลังผลิตที่อยู่ในประเทศไทย 42%

ทั้งนี้ หากแยกตามประเภทเชื้อเพลิง แบ่งเป็นพลังงานหมุนเวียนรวม 1,440 เมกะวัตต์ หรือสัดส่วน 21% โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 4,200 เมกะวัตต์ คิดเป็นสัดส่วน 60% และโรงไฟฟ้าถ่านหิน กำลังผลิต 1,356 เมกะวัตต์ หรือสัดส่วน 19% ซึ่ง EGCO Group ประกาศแล้วว่าจะไม่ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือธุรกิจถ่านหินใหม่เพิ่มเติมแต่อย่างใด

 

TAGS: #‘EGCO #Group #Strategic #Location #โรงไฟฟ้า