‘ไทยออยล์’กางแผนลงทุน 3 ปี ทุ่มกว่า 3.5 หมื่นล้าน เดินหน้าทรานฟอร์มธุรกิจทุกมิติ

‘ไทยออยล์’กางแผนลงทุน 3 ปี ทุ่มกว่า 3.5 หมื่นล้าน เดินหน้าทรานฟอร์มธุรกิจทุกมิติ
เปิดตัว CEO ใหม่ “ไทยออยล์” โชว์วิสัยทัศน์ ชู 3 V มุ่งทรานส์ฟอร์มธุรกิจ ตอบโจทย์เมกะเทรนด์โลก รุกผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง อัดงบลงทุน 3 ปี กว่า 3.5 หมื่นล้านบาท

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า ได้เข้ารับตำแหน่ง CEO เมื่อเดือนมกราคมผ่านมา มีภารกิจสำคัญคือสานต่อการทรานส์ฟอร์มธุรกิจกลุ่ม ตามยุทธศาสตร์หลัก 3 V คือ 1. Value Maximization ต่อยอดจากธุรกิจปิโตรเลียมไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมี และผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Products)

2. Value Enhancement เสริมความแข็งแกร่งในประเทศ ขยายตลาด และกระจายผลิตภัณฑ์ไปสู่ต่างประเทศในระดับภูมิภาค รองรับการเติบโตของธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ในอนาคต รวมทั้ง ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น

และ3. Value Diversification ลงทุนในธุรกิจใหม่ๆโดยเฉพาะธุรกิจที่ มีมูลค่าสูง (High Value Business)และ ธุรกิจ New S-Curve อื่นๆ ให้สอดคล้องต่อแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก

ทั้งนี้ได้วางแผนการลงทุนใน 3 ปีข้างหน้า (2566-2568) จำนวน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท โดยจะนำไปลงทุนโครงการพลังงานสะอาด 50 % หรือ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ และขยายโรงไฟฟ้า ส่วนอีกประมาณ 270 เหรียญสหรัฐ่ จะลงทุนในธุรกิจปิโตรเคมี  การขยายโรงงานแห่งที่ 2 ในอินโดนีเซีย และอีก 220 ล้านเหรียญสหรัฐ จะใช้ปรับปรุงในเรื่องต่างๆรวมถึงการลงทุนในสตาร์ทอัพ

 

ขณะที่ในปี 2566 คาดว่าจะใช้งบลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท ในโครงการพลังงานสะอาด  หรือ Clean Fuel Project (CFP) ให้แล้วเสร็จตามแผน

นายบัณฑิต  กล่าวว่า ในปีนี้คาดการณ์รายได้จะอยู่ที่ 4 แสนล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้ 5.3 แสนล้านบาท  เนื่องจากค่าการกลั่นน้ำมันสิงคโปร์กลับมาสู่ระดับปกติ โดยปัจจุบันอยู่ที่ 7-8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่อยู่ที่ 6-8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ยังต่ำกว่าปี 2565 อยู่ที่ 10.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

ทั้งนี้แนวโน้มราคาน้ำมันช่วงครึ่งปีแรกเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 80-85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะมีปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศของจีน แต่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง

สำหรับปริมาณการขายน้ำมันปีนี้จะเติบโต 4-5% โดยเฉพาะน้ำมันอากาศยานที่คาดว่าจะขยายตัวได้กว่า 50% เนื่องจากมีการเดินทางกันมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเติบดตต่อเนื่อง  ซึ่งข้อมูลล่าสุดยอดใช้น้ำมันของไทยขยายตัว 19%

“เป้าหมายหลักของผมในปีนี้จะเป็นการเร่งดำาเนินโครงการสำคัญตามแผนกลยุทธ์ เช่น โครงการพลังงานสะอาด การขยายตลาดไปต่างประเทศในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะเวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย เร่งศึกษาในการต่อยอดห่วงโซ่คุณค่าเพื่อเพิ่มจำนวน ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เช่น ธุรกิจสารเคมีที่ใช้เพื่อการยับยั้งและกำจัดเชื้อโรค รวมถึงสารลดแรงตึงผิวที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด”

อย่างไรก็ตามจากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก การตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero การเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมพลังงานไปสู่การใช้พลังงานสะอาด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคและการเข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุ ทางบริษัทฯได้ปรับเป้าหมาย ธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ในปี 2030 โดยสัดส่วนกำไรจากธุรกิจปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงอยู่ที่ 40% ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงที่ต่อยอดจากปิโตรเคมี 30% ธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและ ธุรกิจใหม่ๆ 25% และธุรกิจไฟฟ้า 5% เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน 

 

TAGS: #ไทยออยล์ #พลังงานสะอาด #โรงกลั่นน้ำมัน