QTCG หุ้นรับเหมาสุดแกร่ง ประสบการณ์กว่า 23 ปี เตรียมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) 4 เมษายนนี้ หลังเปิดขาย IPO จำนวน 180 ล้านหุ้น ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น
ในปี 2567 ถือเป็นปีทองของอุตสาหกรรมก่อสร้าง เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตล้อไปกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งภาครัฐได้เร่งดำเนินงานทั้งจากโครงการเดิมและโครงการใหม่หลังได้มีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ที่จะเกิดขึ้นช่วงเดือนมิถุนายน - กันยายน 2567 ขณะที่ภาคเอกชนโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ต่างแข่งกันผุดโครงการใหม่ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการแนวราบและโครงการแนวสูง ซึ่ง SCB EIC ก็ได้คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างปี 2567 ขยายตัว 2% เมื่อเทียบกับปี 2566 หรือแตะที่ 1.4 ล้านล้านบาท
บทสัมภาษณ์นี้ The Better ได้พูดคุยกับ "ธิติวัฒน์ เงินนำโชคธนรัตน์" หัวเรือใหญ่แห่ง บริษัท คิวทีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ QTCG ผู้ประกอบธุรกิจติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารแบบครบวงจรซึ่งประกอบไปด้วย 1. ระบบไฟฟ้าและการสื่อสาร 2.ระบบปรับอากาศและระบายอากาศ 3.ระบบสุขาภิบาลและระบบประปา 4.ระบบป้องกันอัคคีภัยภายในอาคาร และถือเป็นหุ้นน้องใหม่เนื้อหอมที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน และเตรียมตัวเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ วันที่ 4 เมษายนนี้
ธิติวัฒน์ กล่าวถึงความภาคภูมิใจในการทำธุรกิจที่ยาวนานกว่า 23 ปี และมีผลงานในอุตสาหกรรมที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นโรงแรม คอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม โรงงานปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า เรียกได้ว่าครอบคลุมเกือบทุกเซกเตอร์ แต่จุดที่ kick off ทำให้บริษัทเติบโตและเป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรมก่อสร้างคืองานศูนย์ราชการ โดยได้รับโจทย์ให้ก่อสร้างอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ มูลค่า 720 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นงานที่มูลค่าสูงที่สุดเท่าที่เคยรับในขณะที่บริษัทมีอายุเพียง 5 ปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตามบริษัทได้สร้างจุดเด่นที่ทำให้เหนือกว่าคู่แข่งในตลาดคือการทำงานตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบวงจรไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณภาพ การส่งมอบโครงการให้ตรงตามเวลา รวมถึงบริการหลังการขาย ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นจุดสำคัญที่บริษัทได้ยึดมั่นมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลัก ESG ในเรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม (Environmental) รวมถึงเรื่องการขัดเกลาทางสังคม (socialization) ก็คือเรื่องของ CSR ที่บริษัทได้ทำอย่างต่อเนื่องทุกปีนับตั้งแต่ปีแรก
**เตรียมพร้อมเข้าตลาด mai**
ล่าสุด QTCG ได้เตรียมความพร้อมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) วันที่ 4 เมษายน นี้ โดยบริษัทฯได้เปิดขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 180 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 27-29 มีนาคม 2567 ในราคาหุ้นละ 1.20 บาท ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมากตั้งแต่วันแรกที่เปิดจองซื้อ เนื่องจากบริษัทฯจัดอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง โดยในปี 2567 นี้ กลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวจะมีการขยายตัวที่ดีขึ้นซึ่งเป็นผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
ซึ่งบริษัทฯเชื่อว่าการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ จะช่วยต่อยอดความแข็งแกร่งของธุรกิจและเพิ่มโอกาสการ รับงานโครงการต่างๆ เพิ่มมากขึ้นในอนาคต รวมทั้งทำให้ฐานะทางการเงินของ บริษัทฯมีความแข็งแกร่งขึ้นเพื่อรองรับการเข้าประมูลโครงการใหญ่ในอนาคตและต่อยอดงานเดิมที่มีอยู่
"ถึงแม้ในช่วงโควิดเมื่อปี 2563 ทำให้บริษัทฯเราอยู่ในจุดต่ำสุด ซึ่งเรารับรู้รายได้เพียง 400 กว่าล้านบาทเท่านั้น แต่พอมาปี 2564-2565 เราเริ่มมีการฟื้นตัวและรับรู้รายได้มากขึ้น ปีนี้ก็หวังว่ารัฐบาลก็จะช่วยทำให้ sentiment มันดี เราเองก็พยายามที่จะดูแลในเรื่องเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงของเราให้ได้ตลอดเวลาด้วย ที่ผ่านมา QTCG เรียกว่าผ่านวิกฤติมาเยอะแล้วอย่างน้อยๆคือ 3 วิกฤติ ไม่ว่าจะเป็น hamburger crisis,วิกฤติน้ำท่วม,แล้วก็วิกฤติโควิด19 เราก็ผ่านพ้นมาได้ตลอด ขอให้นักลงทุนมั่นใจ"ธิติวัฒน์ กล่าว
**ปักธงรายได้ปี 67 โต 20% เดินหน้าประมูลงานใหม่ 3,500-4,000 ล้านบาท**
สำหรับปี 2567 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% จากปีก่อนหน้า โดย ณ สิ้นเดือน ธันวาคม 2566 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1,248 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายไปจนถึงปี 2568 ขณะเดียวกันบริษัทฯยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมูลค่างานที่อยู่ระหว่างประมูลอยู่ที่ 3,500-4,000 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งงานของภาครัฐและภาคเอกชน บริษัทฯมั่นใจว่าจะได้รับงานราว 40% ของมูลค่างานทั้งหมด โดยปัจจุบันบริษัทฯมีสัดส่วนงานจากภาครัฐอยู่ที่ 40% ส่วนภาคเอกชน 60%
"ในช่วงแรกที่ไม่มีรัฐบาลถือป็นช่วงที่เราสะดุดเหมือนกัน และในปี 2565 ที่ผ่านมาจะเห็นว่าในหลายๆภาคธุรกิจก็มีปัญหาเหมือนกันเพราะว่าราชการเขาไม่สามารถที่จะใช้งบประมาณอะไรต่างๆได้ ซึ่งณ ตอนนี้เป็นสิ่งที่ดีที่รัฐบาลเข้ามาบริหารงานและสามารถที่จะใช้งบประมาณได้ในปี 2567 ซึ่งจะใช้งบประมาณได้เริ่มต้นเมษาที่กำลังจะถึงก็เป็นสิ่งที่ดีที่รัฐบาลชุดนี้ที่นโยบายฟรีวีซ่ากับทั้งจีน และกำลังจะมีอินเดียและคาซัคสถานด้วย ซึ่งมันทำให้ sentiment ในการลงทุนภาคเอกชนมันเกิดขึ้น แล้วก็ราชการเองก็ส่งงบประมาณมาด้วย ก็เรียกว่างานก่อสร้างในปีนี้จะเป็นปีที่ดีกว่าปีที่แล้วด้วยซ้ำมันก็เลยทำให้ธุรกิจ QTCG ของเราสามารถจะติดปีกไปด้วย " ธิติวัฒน์ กล่าว
