PCE มองตลาดน้ำมันปาล์มยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องทุกปี จากความต้องการทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ดันปริมาณการผลิตปีนี้ของ PCE โตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5-10% พร้อมระดมทุนเพื่อขยายโอกาสการเติบโตในอนาคต
ประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบและไบโอดีเซล ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เราคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มมีโอกาสเติบโตในทิศทางที่ดี โดยประเทศไทยยังมีพื้นที่สำหรับเพาะปลูกเพื่อการเกษตรอีกจำนวนมาก
ซึ่งปาล์มน้ำมันเป็นพืชเกษตรสำหรับบริโภคและพลังงานที่มีต้นทุนถูกกว่าพืชชนิดอื่น จึงถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศและยังมีความต้องการใช้ในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการบริหารจัดการและประสบการณ์ มากกว่า 40 ปี ในฐานะผู้นำธุรกิจน้ำมันปาล์มพร้อมระบบซัพพลายเชนครบวงจร ของ PCE ที่ประกอบธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยมีธุรกิจโรงสกัดและโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม รวมไปถึงธุรกิจซื้อมาและจำหน่ายน้ำมันปาล์มและผลผลิตพลอยได้อื่นๆ
พร้อมทั้งให้บริการด้านคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ รวมทั้งยังมีธุรกิจให้บริการขนส่งทางเรือและทางบก ทำให้เป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้บริษัทมีความสามารถในการรองรับเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 คาดว่าบริษัทจะมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% จากปี 2566 ที่มีปริมาณการผลิตกว่า 700,000 ตัน เนื่องจากอุปสงค์ของในการใช้น้ำมันปาล์มทั้งในและต่างประเทศที่มีอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผลผลิตปาล์มยังมีไม่เพียงพอกับความต้องการของความต้องการใช้ของทั่วโลก
“PCE มองว่าธุรกิจอุตสาหกรรมปาล์มยังมีแนวโน้มที่ดีและสดใสต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้มีมากกว่ากำลังการผลิต ขณะนี้ PCE เตรียมความพร้อมในทุกด้าน ทั้งความสามารถในการผลิต ระบบซัพพลายเชนที่สามารถเพิ่มศักยภาพในการให้บริการกับลูกค้า และรองรับการขยายตัวของความต้องการใช้ในอนาคตได้ ซึ่งจะทำให้เราก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจน้ำมันปาล์มอย่างครบวงจร และสามารถต่อยอดธุรกิจจนสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในอนาคต” นายประกิต กล่าว
ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้อนุมัติแบบคำขอในการเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัทแล้ว โดยบริษัทเตรียมเสนอขายหุ้น จำนวน 750 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาทต่อหุ้น ภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2,750 ล้านบาท และจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย SET หมวดธุรกิจ เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร-AGRO (กลุ่มอุตสาหกรรม : ธุรกิจการเกษตร-AGRI)
สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุน บริษัทจะเน้นลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล (B100) เช่น โรงสกัดน้ำมันปาล์ม รวมถึงลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และควบคุมต้นทุน
อีกทั้งเพื่อต่อยอดหรือสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ของบริษัท ส่วนที่เหลือใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ ของบริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด และบริษัท ปาโก้เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลักของกลุ่ม PCE
ประกิต กล่าวว่า PCE มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับองค์กรให้มีมาตรฐานยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการขยายโอกาสทางธุรกิจในอนาคต การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่ง ทั้งด้านฐานะการเงิน เป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต และยกระดับการบริหารจัดการองค์กรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ภายใต้หลักธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม
ปัจจุบันบริษัทย่อยภายในกลุ่ม PCE ประกอบด้วย
-บริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด (NBD) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่าย น้ำมันไบโอดีเซล น้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ และน้ำมันพืชสำหรับการบริโภค ภายใต้ตราสินค้า “รินทิพย์” โดยมีถังเก็บน้ำมันปาล์มและน้ำมัน B100 ทั้งหมด 80 แทงค์สามารถจัดเก็บได้ปริมาณ 100,000 ตัน
-บริษัท ปาโก้เทรดดิ้ง จำกัด (PACO) ประกอบธุรกิจซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันเมล็ดในปาล์ม เมล็ดในปาล์ม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากปาล์ม โดยจัดจำหน่ายให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
-บริษัท พี.เค. มารีน เทรดดิ้ง จำกัด (PKM) ประกอบธุรกิจให้บริการคลังสินค้าและท่าเทียบเรือมาตรฐาน ขนาดเกินกว่า 500 ตันกรอส มีพื้นที่ให้บริการกว่า 50,000 ตร.ม. และมีคลังน้ำมัน ทั้ง 2 แห่ง จำนวน 58 แทงค์ที่สามารถรองรับปริมาณการจัดเก็บได้ถึง 240,000 ตัน โดยมีท่าเทียบเรือทั้งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และอำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา
-บริษัท เพชรศรีวิชัย จำกัด (PC) ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางบกภายในประเทศ ซึ่งมีรถให้บริการมากกว่า 150 คัน เพื่อขนส่งน้ำมันปาล์ม รวมถึงสินค้าแห้งและอื่นๆ
-บริษัท พี.ซี. มารีน (1992) จำกัด (PCM) ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีเรือ 13 ลำ ขนาด 1,800 – 3,100 ตัน ซึ่งขนส่งสินค้าได้ทั้งของแห้งและของเหลว ได้กว่า
1,000,000 ตัน