การทรานส์ฟอร์มครั้งยิ่งใหญ่ : เส้นทางสู่ความสำเร็จและการเข้าตลาดหุ้นของ 'เจ้าสัว' กับทายาทรุ่นที่ 3 'ณภัทร โมรินทร์'

การทรานส์ฟอร์มครั้งยิ่งใหญ่ : เส้นทางสู่ความสำเร็จและการเข้าตลาดหุ้นของ 'เจ้าสัว' กับทายาทรุ่นที่ 3 'ณภัทร โมรินทร์'
เส้นทางสู่ความสำเร็จของ "เจ้าสัว" กับทายาทรุ่นที่ 3 "ณภัทร โมรินทร์" ที่มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์เพื่อให้แบรนด์ก้าวสู่การเติบโตในตลาดระดับโลก ด้วยแนวคิด 'Bring Local to Global'

ในอุตสาหกรรมธุรกิจขนมขบเคี้ยวที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดรัสทรี จำกัด (มหาชน) ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและเติบโตมาอย่างยาวนานกว่า 66 ปี จากจุดเริ่มต้นที่หลายคนรู้จักในการเป็นของฝากจากโคราชภายใต้ชื่อ "เตีย หงี่ เฮียง" จนมาถึงการเปลี่ยนภาพลักษณ์แบรนด์สู่ "เจ้าสัว" และการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งถือเป็นการทรานส์ฟอร์มครั้งยิ่งใหญ่ที่นำพาบริษัทสู่ยุคใหม่ของความสำเร็จ

ภายใต้การนำของทายาทรุ่นที่ 3 ที่กำลังมุ่งมั่นทำการตลาดและสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อให้แบรนด์กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค อีกหนึ่งก้าวสำคัญคือการเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดหุ้น ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการระดมทุนและขยายธุรกิจไปสู่ระดับที่สูงขึ้น

ในบทสัมภาษณ์นี้ TheBetter ได้มีโอกาสพูดคุยกับ "ณภัทร โมรินทร์" หรือ "คุณกิ๊ฟ" ทายาทรุ่นที่ 3 ที่เธอนั้นได้เรียนรู้การทำธุรกิจมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่และคุณพ่อ จนวันนี้ได้ก้าวขึ้นมาบริหารเองแบบเต็มตัว ด้วยกลยุทธ์ที่นำพาบริษัทสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ กับการเปลี่ยนแปลงที่ท้าทาย จนมาถึงการเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดหุ้น 

"ณภัทร โมรินทร์" ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู๊ด อินดรัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO เธอเล่าว่าจุดเริ่มต้นในการเข้ามาช่วยธุรกิจครอบครัวคือการเข้ามาดูแลฝ่ายการขายและการตลาดร่วมหลายปี ก่อนที่จะได้รับความไว้วางใจจนได้นั่งตำแหน่งซีอีโอ ซึ่งหนึ่งในความท้าทายสำคัญหลังจากที่ได้รับไม้ต่อในการบริหารจากคุณพ่อคือ การรักษาสมดุลระหว่างการยึดมั่นในคุณค่าและประเพณีของบริษัทที่สืบทอดมาจากรุ่นก่อนๆ กับการนำเอาเทคโนโลยีและวิธีการบริหารใหม่ๆ เข้ามาใช้ ที่ต้องพยายามปรับปรุงและพัฒนาในทุกด้านเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในปัจจุบันโดยไม่ละทิ้งรากฐานที่แข็งแกร่งดังเดิม 

นอกจากนี้ การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเชื่อว่าการสร้างนวัตกรรมและการทำงานร่วมกับทีมที่มีความสามารถจะช่วยให้บริษัทสามารถยืนหยัดและเติบโตต่อไปได้ และยังต้องรักษาคุณภาพ มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ที่สืบทอดกันมาให้คงอยู่

ปัจจุบัน "เจ้าสัว" มีสินค้า 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มอาหาร (Meal) ทั้งแบบพร้อมปรุง เช่น กุนเชียง หมูยอ และอาหารพร้อมทาน เช่น หมูหยอง หมูสวรรค์  2.กลุ่มขนมขบเคี้ยว (Snacks) เช่น ข้าวตัง หมูแท่ง แครกเกอร์ธัญพืช เป็นต้น โดยบริษัทได้นำเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตและการจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน

"เจ้าสัว" มีคอนเซปต์ที่ยึดถือมาโดยตลอดคือ "นำสูตรลับความอร่อยตำรับเจ้าสัวสู่คุณ" ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ที่บริษัทนั้นให้ความสำคัญกับการคัดสรรวัตถุดิบและการผลิตที่มีมาตรฐานระดับสูง เพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่ดีที่สุด โดยได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาเป็นเวลาหลายสิบปี และบริษัทยังไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของตลาด โดยบริษัทได้จัดตั้งทีมการตลาดเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมของผู้บริโภคเพื่อสร้างกลยุทธ์ที่ตรงเป้าหมายมากขึ้น 

ด้วยความสามารถในการปรับตัวนี้ช่วยให้บริษัทยังคงความเป็นผู้นำในตลาดข้าวตังและขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อสัตว์ได้เสมอ โดยมูลค่าการตลาดข้าวตังในปี 2565 อยู่ที่ 995 ล้านบาท ซึ่งเจ้าสัวมีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับหนึ่ง อยู่ที่ 78.5% โดยตลาดข้าวตังจะมีการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 14.6% ซึ่งเติบโตกว่าตลาดขนมขบเคี้ยว  ส่วนตลาดขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อสัตว์ ในปี 2565 มูลค่าตลาดอยู่ที่ 500 ล้านบาท และตลาดมีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูงอยุ่ที่ 23% และเจ้าสัวมีสัดส่วนอยู่ในตลาดนี้อันดับหนึ่งเช่นกัน โดยมีสัดส่วนอยุ่ที่ 57.2% ถือเป็นโอกาสสำหรับ "เจ้าสัว" ในการขยายธุรกิจอีกมากในอนาคต 

"จริงๆแล้วก่อนที่เราจะทำสินค้าอะไรออกไปข้อแรกคือเราต้องดู Brand Positioning ของเราก่อน ซึ่งเราต้องการให้สินค้าของเราทานได้ทุกวันและมีประโยชน์ด้วย ตอนนี้แบรนด์เราจะโฟกัสไปที่ Better For You Snack หมายถึงขนมขบเคี้ยวที่ทานแล้วมีประโยชน์ เพราะผู้บริโภคในยุคปัจจุบันอาจจะมองว่าการทานขนมขบเคี้ยวถ้าไม่มีประโยชน์ก็จะรู้สึกไม่อยากทาน แต่ว่าอยากจะทานของที่อร่อยแต่มีประโยชน์มากกว่า อย่างสินค้าของบริษัทเองก็มีทำมาจากข้าว จากเนื้อสัตว์ เนื้อหมู อบกรอบไม่ทอด เป็นคอนเซ็ปต์ที่ผู้บริโภคในปัจจุบันทั้งในประเทศและต่างประเทศมองหาอยู่ ดังนั้น นี่จึงเป็น Brand Positioning ที่เรากำลังวางอยู่ เราจึงมีการพัฒนาสินค้าที่เรามีอยู่ให้ตรงโจทย์ผู้บริโภค และมีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มรสชาติ แพ็กไซต์ใหม่ๆ และมีการเพิ่มนวัตกรรมเข้าไปด้วย " 

**เตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นขยายธุรกิจ**

"ณภัทร" พูดถึงการเตรียมความพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นว่า ถือเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลานานและความรอบคอบอย่างมาก ก่อนอื่นต้องมั่นใจว่าบริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและโปร่งใส จากนั้นต้องทำการปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสมและเตรียมการด้านกฎหมายให้ครบถ้วน เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ 

นอกจากนี้ ยังต้องเตรียมแผนธุรกิจที่ชัดเจนและเป็นไปได้ เพื่อให้ผู้ลงทุนมั่นใจในศักยภาพของบริษัท การสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ก็มีความสำคัญเพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนเข้าใจถึงวิสัยทัศน์และเป้าหมายของบริษัทในอนาคต

และในอนาคตตนนั้นอยากพา "เจ้าสัว" เติบโตในตลาดระดับโลก ด้วยแนวคิด 'Bring Local to Global' เป็นแบรนด์ที่คนทั่วโลกรู้จักและไว้วางใจ ไม่เพียงแต่ในเรื่องของคุณภาพผลิตภัณฑ์ แต่ยังรวมถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งมองว่าไม่เพียงแค่ต้องการเป็นผู้นำตลาดในด้านผลิตภัณฑ์อาหาร แต่ยังต้องการเป็นตัวอย่างในด้านการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและมีจริยธรรม

นอกจากนี้ ยังมุ่งหวังให้เจ้าสัวเป็นแบรนด์ที่นำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ และตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การทำอะไรที่เรียนรู้และปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจเจ้าสัวเติบโตต่อเนื่องและเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมได้ ขณะเดียวกันการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและการพัฒนาทีมงานก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความสำเร็จให้กับธุรกิจอีกด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทฯ ได้รับอนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชน (IPO) จากสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 87.7 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 29.2% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท


 

TAGS: #เจ้าสัว #CHAO #IPO