ส่อง 6 หุ้นได้ประโยชน์มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ ในจังหวัดท่องเที่ยวรอง ซึ่งมาตรการเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. ถึง 30 พ.ย. 2567
รัฐบาลไทยได้ประกาศมาตรการภาษีใหม่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวรอง ซึ่งมาตรการนี้มุ่งเน้นการสนับสนุนให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากยิ่งขึ้น
มาตรการนี้จะเป็นแรงจูงใจที่ดีให้กับประชาชนในการวางแผนท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงวันหยุด และจะช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนให้กับการท่องเที่ยวไทยในระยะยาว
โดยการกระจายการท่องเที่ยวไปยังจังหวัดรองจะไม่เพียงช่วยบรรเทาความแออัดในแหล่งท่องเที่ยวหลัก แต่ยังช่วยสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการในท้องถิ่นในการพัฒนาและเติบโต
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ได้แนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศนาน 7 เดือน คือ มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ (สำหรับนิติบุคคล) และมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ (สำหรับบุคคลธรรมดา) ในจังหวัดท่องเที่ยวรอง
โดยแบ่งเป็นพื้นที่ทั้งหมด 55 จังหวัดและพื้นที่บางอำเภอในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก 15 จังหวัด ซึ่งมาตรการเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. ถึง 30 พ.ย. 2567 โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์ได้แก่ ERW, CENTEL, BA, AAV, CPALL และ TNP
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวเพิ่มเติมถึงทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือน มิ.ย.67 มีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน โดยมีแรงกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ทำให้เกิดความกังวลว่า FED อาจจะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ยังต้องติดตามประเด็นการเมืองในประเทศอย่างใกล้ชิด จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,300-1,360 จุด
โดยปัจจัยที่กดดันความเชื่อมั่นการลงทุนในเดือนนี้ ได้แก่ สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 272,000ตำแหน่งในเดือนพ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่งและอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9% ทำให้มีโอกาสที่ FED จะไม่เร่งลดอัตราดอกเบี้ย
ส่วนปัจจัยในประเทศ ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนระหว่าง 1มกราคม-7 มิถุนายน 2567 พบว่านักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 88,204.79 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 1,461.18ล้านบาท ส่วนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,662.09 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 88,003.88 ล้านบาท รวมทั้งปัจจัยการเมืองในประเทศที่มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นจากการเลือกส.ว. การพิจารณาคดีของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา และการพิจารณาคดีของอดีตนายกฯ ทักษิณ
และมีผลสำรวจของนิด้าโพลออกมาว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่พอใจกับผลงานของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา โดยกลุ่มตัวอย่าง 34.35% ระบุไม่ค่อยพอใจ รองลงมา 31.69% ระบุไม่พอใจเลย