WHAUP ชี้ภาพรวมปีนี้รายได้แตะสองหลัก จากธุรกิจไฟฟ้า-สาธารณูปโภค พร้อมร่วมประมูลโครงการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนสะสมพอร์ตกำลังการผลิตไฟฟ้า

นายสมเกียรติ  เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเข้าร่วมประมูลโครงการพลังงงานหมุนเวียนเฟสสอง ที่จะเปิดอีก 3,668.5 เมกะวัตต์ รวมทั้งโครงการเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่กำหนดสัดส่วนถึง 51%  หรือ 34,851 เมกะวัตต์  ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (PDP 2024) เช่น พลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์เซลล์) พลังงานลม และขยะ

ก่อนหน้านี้บริษัทได้รับคัดเลือกจากการเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) เฟส 1 จำนวน 5 โครงการ มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์  ขณะนี้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(PEA) 4 โครงการ จำนวนรวม 85 เมกะวัตต์ เหลือ อีก 1 โครงการ กำลังการผลิตราว 40 เมกดะวัตต์ คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตตามเป้าหมาย ซึ่งในช่วงไตรมาส1/2567 บริษัทรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติจำนวน 1,047 ล้านบาท และมีกำไรปกติ จำนวน 372 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% และ 62% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้นคาดว่าภาพรวมรายได้ปีนี้ จะเติบโต 2 หลัก เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้รวม 2,801 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,631 ล้านบาท

ทั้งนี้รายได้ที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นในปีนี้ มาจากทิศทางกลุ่มธุรกิจทั้งธุรกิจสาธารณูปโภค(น้ำ) และธุรกิจไฟฟ้า ที่คาดว่าจะเติบโตขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีปริมาณยอดจำหน่าย และบริหารน้ำทั้งในและต่างประเทศรวมกันเท่ากับ 178 ล้านลูกบาศก์เมตร เติบโตประมาณ 15% จากปีก่อนที่ทำได้ 155 ล้านลูกบาศก์เมตร

ขณะที่ไตรมาส 1/2567 ทำได้ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเติบโตขึ้นทุกผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะน้ำดิบ (Raw Water) จากปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ากลุ่มพลังงานและกลุ่มปิโตรเคมี และผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added Product) จากปริมาณการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ารายใหม่

ด้านธุรกิจไฟฟ้า คาดจะเติบโตมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 858 เมกะวัตต์ มาอยู่ที่ 1,000 เมกะวัตต์ภายในสิ้นปีนี้ โดยในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์นั้น ในไตรมาส 1/2567 บริษัทได้ลงนามในสัญญาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ประเภท Private PPA เพิ่มจำนวน 15 สัญญา กำลังการผลิตรวม 59 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 บริษัทมีการลงนามในสัญญาโครงการ Private PPA สะสมทั้งสิ้น 242 เมกะวัตต์ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 125 เมกะวัตต์