WHA ครึ่งหลังปี 67 โตต่อ พร้อมอัพเป้ายอดขายที่ดินปีนี้เป็น 2,500 ไร่

WHA ครึ่งหลังปี 67 โตต่อ พร้อมอัพเป้ายอดขายที่ดินปีนี้เป็น 2,500 ไร่
WHA ครึ่งหลังปี 67 โตต่อเนื่อง อัพเป้ายอดขายที่ดินปีนี้เป็น 2,500 ไร่ ตั้งเป้ารายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรสำหรับปีกว่า 15,000 ล้านบาทพร้อม EBITDA Margin สูงกว่า 50% ลุ้น All Time High

จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 จะมีรายได้รวมมากกว่าช่วงครึ่งปีแรก ที่มีรายได้รวม 6,489.91 ล้านบาท ดังนั้นมั่นใจภาพรวมทั้งปี 2567 จะมีรายได้รวม 15,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่ 15,519.06 ล้านบาท และมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) ไม่ต่ำกว่า 50% จากปีก่อน 45% พร้อมลุ้นผลการดำเนินงานทำสถิติสูงสุดใหม่(All Time High) เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน และปี 2568 ยังมีโอกาสทำ All Time Highได้เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน

“ทิศทางธุรกิจภาครวมในช่วงไตรมาส 4 และภาพรวมครึ่งหลังปี 2567 ของเรามีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง ด้วยการมุ่งเดินหน้าตามกลยุทธ์และพัฒนาแนวทางธุรกิจให้สอดคล้องกับเมกะเทรนด์โลก โดยเฉพาะการย้ายฐานการผลิตและลงทุนสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ รวมถึงการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ” จรีพร กล่าว

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของ 2567 ของ 4 กลุ่มธุรกิจหลัก มีรายละเอียดดังนี้  

1.ธุรกิจโลจิสติกส์ กลยุทธ์การดำเนินงานยังคงมุ่งขยายธุรกิจทั้งในประเทศ โดยขยายจากกรุงเทพฯ สมุทรปราการปริมณฑล และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)  ส่วนในต่างประเทศมุ่งเน้นการขยายในประเทศเวียดนาม ให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจกับอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพการเติบโตในอนาคต

สำหรับเป้าหมายในปี 2567 ตั้งเป้าหมายพื้นที่ให้เช่าใหม่ และสัญญาเช่าใหม่รวม 200,000 ตารางเมตร(ตร.ม.) โดยมุ่งเน้นคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit โดยคาดว่าครึ่งปีหลังของปี 2567 จะส่งมอบพื้นที่ให้เช่าใหม่มากกว่า 140,000 ตร.ม. โดยมีสัญญาเช่าคลังสินค้าแบบ Built to Suit และแบบสำเร็จรูปกว่า 105,000 ตร.ม. จากลูกค้าในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มสุขภาพ และ 35,000  ตร.ม. จากโครงการแรกในจังหวัดฮึงเอียน  (Hung Yen) ประเทศเวียดนาม ผ่านความร่วมมือกับไดวะเฮาส์ (Daiwa House) และมีแผนการขายสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHAIR รวมทั้งสิ้นประมาณ 40,172 ตร.ม. คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,065 ล้านบาท ที่จะแล้วเสร็จเดือน ธันวาคม 2567

ขณะเดียวกันมีการเปิดตัว โมบิลิกส์ (Mobilix) โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจรครั้งแรกของไทย ประกอบด้วย 3 บริการหลัก คือให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และโมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) โดยมีแผนดำเนินธุรกิจตาม 4 กลยุทธ์หลักคือพัฒนาพันธมิตรทางธุรกิจ (Develop Partnership)  ขยายช่องทางการขาย (Expand Sale Channels) การเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ (Launch New Products) และนำเสนอข้อเสนอทางการค้าใหม่ๆ (Provide New Commercial Offerings)  โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนรถยนต์ไฟฟ้า และหางลากให้เช่าเป็น 1,000 คัน ภายในสิ้นปี 2567 จากครึ่งปีแรก 281 คัน  

2.ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม แนวโน้มความต้องการที่ดินจากภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้บริษัทปรับเพิ่มประมาณการขายที่ดินทั้งปี 2567 รอบที่ 3 จาก 2,400 ไร่ เป็น 2,500 ไร่ เทียบกับปี 2566 ที่มียอดขายที่ดิน 2,700 ไร่  อย่างไรก็ตามแม้ยอดขายที่ดินลดลงเกือบ 10% แต่มูลค่าสัญญาขายที่ดินเติบโตถึง 18 % เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมใหม่มีราคาขายที่ดินค่อนข้างสูง และนิคมอุตสาหกรรมเดิมมีการทยอยปรับราคาขายถึง 3 ครั้งนับตั้งแต่ปีก่อน เพื่อสะท้อนความต้องการซื้อที่ดินในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม WHA ทุกแห่ง

ส่วนในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 บริษัทมีเป้าหมายที่จะขายที่ดินมากกว่า 1,400 ไร่  โดยยอดขายที่ดินจากประเทศไทยจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก เนื่องจากในเวียดนามกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาที่ดินเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปี 2568 และรอความชัดเจนหลังเลือกตั้งเดือน พฤศจิกายน 2567 นี้ ส่วนข่าวดี ล่าสุด ที่มีการเซ็นสัญญาที่ดินบริษัทเทคโนโลยี 400 ไร่ โดยลูกค้าจะเดินทางมาประเทศไทย เพื่อแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการเดือน ตุลาคม 2567 นี้ และเบื้องต้นลูกค้ายังมีความสนใจที่ดินเพิ่มอีก 600 ไร่  รวมแตะ 1,000 ไร่  ซึ่งต้องรอติดตามว่าจะเซ็นสัญญาได้ภายในสิ้นปี 2567 หรือไม่ แต่อยากให้เซ็นสัญญาในปี 2568

ซึ่งบริษัทยังเดินหน้าพัฒนาที่ดินอุตสาหกรรม โดยวางแผนเพิ่มที่ดินอุตสาหกรรมเกือบ 10,000 ไร่ ในประเทศไทย เข้าสู่พอร์ตโฟลิโอในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมใหม่ 6 โครงการ โดยเป็นโครงการพัฒนาใหม่ 4 แห่ง และขยายพื้นที่โครงการเดิมอีก 2 แห่ง รวมถึงยังมีแนวคิดที่จะต่อยอดธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มเดิม ด้วยการเสนอสัญญาเช่าคอนโดมิเนียมระยะยาวให้กับลูกค้าที่เข้ามาซื้อที่ดิน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนปี 2568

สำหรับโครงการในเวียดนามยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง โดยเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 2 – เหงะอาน (WHA Industrial Zone 2 – Nghe An) คาดว่าจะได้รับการอนุมัติใบอนุญาตสำหรับเฟส 1 ของโครงการ บนพื้นที่ 1,200 ไร่ ภายในสิ้นปีนี้  และ WHA Smart Technology Industrial Zone 1 ในจังหวัดทาญฮว้าจะเริ่มก่อสร้างภายในสิ้นปี  2567 ในขณะที่ WHA Smart Technology Industrial Zone 2 ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดเดียวกัน มีเป้าหมายที่จะได้รับใบรับรองการลงทุน (IRC: Investment Registration Certificate) ภายในสิ้นปีนี้เช่นเดียวกัน

3.ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ)  มุ่งแสวงหาโอกาสการลงทุนในพื้นที่ใหม่ ๆ นอกเหนือจากในนิคมอุตสาหกรรมของ WHA มุ่งเน้นขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added Water) อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 ตั้งเป้าหมายยอดขายน้ำรวมที่ 178 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) จากความต้องการน้ำที่มากขึ้นของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม และปริมาณน้ำมูลค่าเพิ่มที่เพิ่มขึ้นจากโครงการใหม่ๆ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของน้ำในประเทศเวียดนามที่มีการเติบโตอย่างมากในปี 2567 เนื่องจากโรงงานของลูกค้าในเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน (WHA Industrial Zone 1 Nghe AN) เริ่มดำเนินการ 

นอกจากนั้นในปี 2567 ได้ลงนามในสัญญาน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) กับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC จำนวน 3.5 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี และสัญญาขายน้ำประปาให้แก่การประปาส่วนภูมิภาคอีก 2.6 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี โดยทั้ง 2 สัญญาจะเริ่มมีการรับรู้รายได้ภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ทันที  

สำหรับธุรกิจไฟฟ้า ยังคงเดินหน้าพัฒนาโซลูชันด้านพลังงาน พร้อมตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมที่ลงนามแล้วเป็น 1,000 เมกะวัตต์(MW) ซึ่งจะมาจากพลังงานสะอาด 472  เมกะวัตต์ โดยเป็นพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof Top)  283 เมกะวัตต์ พร้อมมุ่งต่อยอดธุรกิจพลังงานสะอาดผ่านการพัฒนานวัตกรรมและ โซลูชันด้านพลังงานใหม่ๆ อาทิ การเปิดให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งสอดรับกับแผนการลงทุนใน   โมบิลิกส์ (Mobilix) โดยมีเป้าหมายที่จะมีชาร์จเจอร์ 120 ตัว ในปีนี้ รวมถึงสถานีชาร์จที่ใหญ่ที่สุดในประเทศขนาดกำลังติดตั้ง 5,400 กิโลวัตต์ 

ขณะเดียวกันยังแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve เช่น ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS: Battery Energy Storge System) และเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการ  กักเก็บคาร์บอน (CCUS: Carbon Capture Utilization and Storage) เป็นต้น 
 
4 ธุรกิจดิจิทัล ยกระดับองค์กรในทุกมิติเพื่อบรรลุเป้าหมายในการก้าวสู่การเป็น Technology Company ในปี 2567 และเตรียมพร้อมสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Tech-Driven Organization) ในปี 2568 มุ่งส่งเสริมศักยภาพของธุรกิจใน WHA Group และสร้างรายได้จากการให้บริการแพล็ตฟอร์มดิจิทัลใหม่ ๆ ควบคู่กับการพัฒนาความเชี่ยวชาญของทีมเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยตัวอย่างโครงการสำคัญที่ผ่านมา ได้แก่ โมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน  (Mobilix Software Solution) ที่เป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะสำหรับจัดการยานพาหนะไฟฟ้าและแบตเตอรี่ WHAbit แพลตฟอร์มเพื่อให้บริการด้านสุขภาพแบบครบวงจร WHASApp: Super App ที่รวบรวมบริการครบวงจรให้แก่ลูกค้าของ WHA รวบรวมข้อมูลการใช้งานสาธารณูปโภคและพลังงานแบบเรียลไทม์ไว้ในที่เดียว เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังยกระดับประสิทธิภาพองค์กรด้วย AI อย่างต่อเนื่อง โดยพัฒนาโครงการทรานส์ฟอร์เมชั่นด้วยเทคโนโลยี AI จำนวน 12 โครงการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ เช่น Solar Anomaly Detection ตรวจจับปัญหาที่เกิดขึ้นกับแผงโซลาร์เพื่อการดูแลรักษาที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ Solar Forecasting ประเมินและคาดการณ์ปริมาณแสงแดดล่วงหน้า เพื่อการวางแผนเพิ่มปริมาณการผลิตพลังงานและลดต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และ  RO Performance Forecasting ใช้ Data Analytics ในการตรวจสอบคุณภาพน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการสูญเสีย และสอดคล้องกับข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม 
 

TAGS: #WHA