เปิดพอร์ตการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย ปี 2567

เปิดพอร์ตการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย ปี 2567
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดพอร์ตการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย ปี 2567 พบว่านักลงทุนจากสหราชอาณาจักรมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด ตามมาด้วยสิงคโปร์ ฮ่องกง สวิสเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้เปิดข้อมูลผ่าน SET Note ฉบับที่ 12/2567 จากการศึกษาข้อมูลการถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 ของบริษัทจดทะเบียนจำนวน 821 บริษัท ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกว่า 16.80 ล้านล้านบาท หรือ 97.8% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมทั้งตลาด (Total Market Capitalization)

สรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้

ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นในตลาดหุ้นไทย มีมูลค่ารวมกว่า 5.18 ล้านล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 1.37% จากสิ้นปี 2566 โดยมูลค่าการถือครองหุ้นคิดเป็น 30.80% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มบริการ โดยการถือครองหุ้นทั้ง 3 กลุ่มอุตสาหกรรมมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวม 3.81 ล้านล้านบาท คิดเป็น 73.54% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ

ขณะที่หมวดธุรกิจที่นักลงทุนต่างประเทศถือครองหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON) หมวดธนาคาร (BANK) และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) โดยหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยังคงอยู่ในอันดับ 1 ต่อเนื่องจากสิ้นปี 2566 โดย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 ทั้ง 3 หมวดธุรกิจ มีมูลค่าถือครองหุ้นรวม 2.78 ล้านล้านบาท คิดเป็น 53.62% ของมูลค่าการถือครองหุ้นรวมของนักลงทุนต่างประเทศ

ทั้งนี้ 75.22% ของมูลค่าการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศเป็นการถือครองหุ้นที่อยู่ในองค์ ประกอบของ MSCI Thailand Index ใกล้เคียงกับ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566

โดยนักลงทุนต่างประเทศที่มีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด 10 สัญชาติแรก พบว่า ยังคงเป็นสัญชาติเดียวกันกับปีก่อนแต่มีสลับอันดับ โดยนักลงทุนจากสหราชอาณาจักรมีมูลค่าการถือครองหุ้นสูงสุด ตามมาด้วยนักลงทุนจากสิงคโปร์ ฮ่องกง สวิสเซอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา

ขณะที่อันดับที่ 6 - 10 สลับอันดับจากปีที่ผ่านมา โดยอันดับที่ 6 คือ เนเธอร์แลนด์ และตามมาด้วยญี่ปุ่น ไต้หวัน ฝรั่งเศส และมอริเชียสตามลำดับ
 

TAGS: #ตลาดหุ้นไทย #SET #SETNote