KTX มอง Q4 ตลาดโลกผันผวน แนะนำนักลงทุนเพิ่มน้ำหนักถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย ชี้เป้าพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ประเมินหุ้นไทยลุ้นปรับขึ้นแตะ 1,551 จุด ได้รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กนง.ลดดอกเบี้ย
ณัฐวุฒิ จันทนะจุลพงศ์ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ KTX ให้มุมมองเกี่ยวกับการลงทุนในไตรมาส 4ปี 2567 ว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,551 จุด โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลบวกจากรัฐบาลเร่งออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และนโยบายการเงิน เอื้อให้ประมาณการ EPS 12 เดือน* ล่วงหน้าปรับขึ้นเป็น 103.9 บาทต่อหุ้น ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาปัจจัยภายนอกที่ยังมีความเสี่ยง เช่น การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจทำให้กระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดเอเชียไปยังสหรัฐฯ เพื่อรับผลประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
"แม้ว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีโอกาสปรับตัวขึ้น แต่จาก Upside ที่เหลือเพียง 7% จากไตรมาส 3 ปี2567 ทีมวิเคราะห์หลักทรัพย์ของ KTX แนะนำให้นักลงทุนทยอยขายทำกำไรเมื่อดัชนีปรับขึ้นแทนการซื้อสะสม เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของปัจจัยภายนอก"
การลงทุนในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 นักลงทุนควรเพิ่มน้ำหนักการถือครองในสินทรัพย์ปลอดภัย โดยเฉพาะพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ซึ่งอาจมีความเสี่ยงขาลงจำกัดมากกว่าพันธบัตรสหรัฐฯ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะอยู่ที่ 2.3% ใน 12เดือนข้างหน้า ยังน่าสนใจเมื่อเทียบกับระดับปัจจุบันที่ 2.5% โดยปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาเป็นเรื่องกระแสเงินทุนต่างชาติที่อาจไหลออกจากเอเชียเพื่อล็อคผลกำไรจากค่าเงินที่เริ่มอ่อนค่า หลังจากหลายประเทศในเอเชียทยอยลดดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อาจทำให้เฟดไม่ปรับลดดอกเบี้ยตามที่คาดการณ์ไว้
"การเพิ่มน้ำหนักในพันธบัตรไทยจะช่วยสร้างความมั่นคงให้พอร์ตการลงทุนในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะจากปัจจัยภายนอก เช่น การเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่กำลังเข้มข้น อาจส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายของเงินทุนต่างชาติได้"
สำหรับหุ้นเด่นที่ KTX แนะนำให้นักลงทุนจับตามองหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวในช่วงไตรมาส4 ปี 2567 ซึ่งจะได้รับผลบวกจากการเข้าสู่ High Season และการปรับลดดอกเบี้ย โดยมีหุ้นที่น่าสนใจ ดังนี้
1.CPALL ผู้นำในธุรกิจค้าปลีกที่ขยายสาขาต่อเนื่อง พร้อมขยายการลงทุนในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในประเทศ
2.CPN ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และโครงการพัฒนา Mixed-Use ที่เตรียมเปิดตัว เช่น เซ็นทรัล กระบี่ ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ได้รับการลงทุนสูง
3.GPSC หุ้นในกลุ่มพลังงานที่ได้ประโยชน์จากโครงการพลังงานหมุนเวียน และการลดBond Yield ช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตในธุรกิจโรงไฟฟ้าและโครงการพลังงานใหม่ ๆ
“นักลงทุนที่ต้องการจัดพอร์ตลงทุนในช่วงตลาดโลกยังมีความไม่แน่นอน KTX แนะนำให้มองหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรไทย พร้อมทั้งเลือกลงทุนในหุ้น Laggard และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ซึ่งการจัดพอร์ตที่สมดุลจะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างโอกาสในการทำกำไรได้อย่างมั่นคงในระยะยาว”