GFC ปักธง รุก 3 สาขา ให้บริการผู้มีบุตรยากเต็มพิกัด ส่งซิกปี 68 ปั้นรายได้โต 20% ประกาศลุยธุรกิจ “ฝากไข่” ชี้เป็นการสร้าง Asset เพิ่มมูลค่าสำหรับคนอยากมีลูก
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินแนวโน้มธุรกิจบริการรักษาภาวะมีบุตรยากในปี 2568 ว่า ตลาดบริการรักษาภาวะมีบุตรยากของไทยในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโต 6.2 % จากปี 2567 โดยมีมูลค่ากว่า 6.3 พันล้านบาท ตามความต้องการใช้บริการที่ยังเพิ่มขึ้นจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สอดคล้องไปกับเทรนด์ของโลก โดยในปี 2568 มูลค่าตลาดของผู้รับบริการชาวไทย คาดว่าจะขยายตัว 5.0 % จากค่านิยมมีบุตรช้าลง จากปัญหาด้านการเจริญพันธุ์ที่มีความซับซ้อน จึงทำให้ต้องพึ่งพาวิธีการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ขณะที่มูลค่าตลาดผู้รับบริการชาวต่างชาติคาดว่าจะขยายตัว 7.6 % โดยมีแรงหนุนจากราคาและคุณภาพบริการที่ยังโดดเด่น รวมถึงการขยายตลาดใหม่ของธุรกิจ
นายกรพัส อัจฉริยมานีกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) "GFC" ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ เปิดเผยว่า หากพิจารณาจากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยจะเห็นได้ว่ามูลค่าตลาดให้บริการรักษาภาวะผู้มีบุตรยากทั่วโลกยังมีทิศทางการเติบโตเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในประเทศไทยก็เป็นหนึ่งประเทศที่มีดีมานด์การเข้ารับการรักษาผู้มีบุตรยากสูงเช่นเดียวกัน จากปัจจัยดังกล่าวทำให้เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ จึงเป็นนวัตกรรมเพื่อเพิ่มโอกาสสำหรับคนมีบุตรยาก กลายเป็นหนึ่งในธุรกิจเมกะเทรนด์ของโลกที่น่าจับตา และถือเป็นการส่งผลเชิงบวกต่อภาพรวมอุตสาหกรรม
รวมถึง GFC ที่จะมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ GFC ได้วางกลยุทธ์เดินหน้าขับเคลื่อนการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยาก ภายใต้ศักยภาพความแข็งแกร่งในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ช่วยในด้านการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ และทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธ์ด้านการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยาก
โดยในปี 2568 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้น 20 % จากการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยาก ครบทั้ง 3 สาขา ได้แก่ GFC Ubon - GFC Rama 9 International และ GFC Rama 3 ซึ่งทั้ง 3 สาขา จะให้บริการผู้เข้ารับการรักษาสำหรับผู้มีบุตรยากได้ครอบครบทุกมิติ ตั้งแต่การตรวจเบื้องต้น, การรักษาด้วยวิธี ICSI, การฝากไข่ และการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน PGT-A
รวมถึงชูนวัตกรรมการนำเอาเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ PGT-A Plus มาใช้เป็นเครื่องมือในการตรวจความผิดปกติของพันธุกรรมตัวอ่อนก่อนการฝังตัว เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการคัดกรองหาตัวอ่อนที่มีความสมบูรณ์และเพิ่มอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ ซึ่งทุกสาขา จะร่วมขับเคลื่อนการสร้างรายได้สู่ New S-Curve ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป
"กรณีสมรมเท่าเทียมถูกรับรองทางกฎหมายเรียบร้อยแล้ว เรามองเป็นโอกาสสำคัญและเป็นตลาดที่ใหญ่มาก หากกฏหมายอุ้มบุญอนุมัติ เราก็มีความพร้อมที่จะเข้าไปให้บริการ" นายกรพัส กล่าว
อีกทั้งบริษัทฯ มีแผนขยายฐานกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดกลุ่มลูกค้าจีน รวมถึงยังได้ศึกษาแผนการขยายตลาดเจาะกลุ่มลูกค้า CLMV ลูกค้าอินเดีย และลูกค้าตะวันออกกลางด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากตลาดลูกค้ากลุ่มนี้นอกจากมีดีมานด์ที่สูงแล้ว ยังมีกำลังทรัพย์ที่สูงในการเข้ามารับการรักษาด้วยเช่นเดียวกัน โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนลูกค้าชาวไทย 95% ต่างชาติ 5% พร้อมคาดว่าสัดส่วนลูกค้าต่างชาติจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
•GFC Ubon สาขาอุบลราชธานี ปัจจุบันเปิดให้บริการเต็มรูปแบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสาขาดังกล่าวสามารถรองรับผู้เข้ารับการรักษาได้ครอบคลุมในพื้นที่อุบลฯ และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้การดูแลจากทีมแพทย์ผู้ชำนาญการและประสบการณ์ด้านการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI การฉีดเชื้อ IUI รวมถึงบริการฝากไข่ บริการตรวจ AMH และบริการตรวจโครโมโซม ดังนั้นด้วยทีมแพทย์ ทีมนักวิทยาศาสตร์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ จะสามารถทำให้มั่นใจว่า GFC Ubon จะสามารถขยายฐานและเพิ่มโอกาสการเติบโตของลูกค้ากลุ่มใหม่ รวมถึงสร้างรายได้ให้กับ GFC ได้
• GFC Rama 9 International สาขาพระราม 9เตรียมเปิดให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากอย่างเป็นทางการ(Grand Opening) ในวันที่ 21 ก.พ. 2568 โดยสาขานี้เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่สำคัญของกรุงเทพฯ ที่จะยกระดับการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยากอย่างครอบคลุม รวมถึงยังสามารถรองรับลูกค้าต่างประเทศได้เต็มรูปแบบ มีห้องวิจัยและห้องปฏิบัติการสำหรับนักวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยห้องประชุมสัมมนาวิชาการทางการแพทย์ ศูนย์ฝึกอบรมนักเทคนิคการแพทย์ภายในของกลุ่มบริษัท (In-house training) เพื่อเป็นการบริหารทรัพยากรบุคลากรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ GFC มุ่งยกระดับมาตรฐานการรักษาลูกค้าผู้มีบุตรยาก ควบคู่กับการยกระดับทีมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และการนำเอาเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์มาใช้เพิ่มอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ สู่การสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GFC ยังได้กล่าวทิ้งท้ายถึงแนวโน้มการ “ฝากไข่” ซึ่งถือเป็นเทรนด์ผู้หญิงยุคใหม่ในปัจจุบันว่า การฝากไข่ ถือว่าเป็น Asset หรือเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง เนื่องจากเป็นหลักประกันที่เพิ่มโอกาสในการมีลูกในอนาคต เพราะ Asset ดังกล่าวจะเข้ามาช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับครอบครัว ดังนั้น GFC จึงมุ่งเน้นให้ความสำคัญในธุรกิจนี้มากขึ้น เพราะเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งในธุรกิจในการให้บริการที่จะสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ในอนาคต