SAPPE โชว์ผลประกอบการปี 67 ทำ All Time High ยอดขายแตะ 6,775 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,252 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าปี 2568 มุ่งสู่เป้าหมายสร้างแบรนด์ไทยให้เป็น Global Brand อย่างยั่งยืน
นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE
เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 6,775 ล้านบาท เติบโต 11.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 6,053 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 1,252 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.6% จากปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 1,074 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 18.5% จากปีก่อนอยู่ที่ 16.6% ซึ่งการขยายตัวของยอดขายทั้งในและต่างประเทศ ทำให้แบรนด์ SAPPE เป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับสากล และสะท้อนผ่านผลประกอบการที่เติบโตในปีที่ผ่านมา
สำหรับตลาดต่างประเทศในปี 2567 เซ็ปเป้มีรายได้จากการขาย 5,404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้สัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศคิดเป็น 80% ของรายได้จากการขายรวม จากการส่งออกไปมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ด้วยช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ ช่องทางห้างค้าปลีก (Modern Trade) และร้านค้าดั้งเดิม (Traditional Trade) รวมทั้งการทำ O2O (Online to Offline Marketing) ในบางประเทศ โดยตลาดที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่น ได้แก่ กลุ่มทวีปตะวันออกกลางที่เติบโต 54% ทวีปอเมริกาเติบโต 37% ทวีปเอเชียเติบโต 6% โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมที่สุดในตลาดต่างประเทศ ยังเป็นน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวแบรนด์ Mogu Mogu (โมกุ โมกุ) และเครื่องดื่มผสมว่านหางจระเข้แบรนด์ Sappe Aloe Vera Drink (เซ็ปเป้ อโลเวร่า ดริ้งค์)
ขณะที่ตลาดในประเทศ เซ็ปเป้มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 1,372 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องกว่า 16 SKUs เช่น เครื่องดื่มน้ำผสมวิตามินแบรนด์ B’lue 2 รสชาติ 2 อารมณ์ คือ “รสอกหัก” และ “รสคลั่งรัก” และผลิตภัณฑ์คอลลาเจนชนิดผง เซ็ปเป้ บิวติ พาวเดอร์ สติกซ์ (Sappe Beauti Powder Stix) ที่ทำยอดขายเติบโตแรงในร้านสะดวกซื้อ 7-11, ช่องทาง Traditional Trade และ E-Commerce ด้วยจุดแข็งด้านราคาที่เข้าถึงง่าย และยังไม่มีคู่แข่งในตลาดนี้โดยตรง รวมถึงมีการประกาศรีแบรนด์ดิ้ง (Rebranding) ครั้งใหญ่อย่างเป็นทางการของ “เซ็ปเป้ บิวติ” (Sappe Beauti) ซึ่งได้ผลตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างดี ขณะที่มะพร้าวน้ำหอมแบรนด์ All Coco มีการเติบโตโดดเด่นในช่องทางห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) อย่างแมคโคร และการขายเป็นวัตถุดิบให้กับโรงงานต่างๆ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE กล่าวว่า ในปี 2568 มีการคาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะได้รับอิทธิพลจากปรากฏการณ์ลานีญา ซึ่งทำให้สภาพอากาศร้อนสลับฝน และส่งผลให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มมองหาเครื่องดื่มที่ช่วยบรรเทาความร้อนมากขึ้น ขณะเดียวกันกระแสการดูแลสุขภาพยังคงเติบโตต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นพัฒนาและคิดค้นผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่หลากหลาย โดยล่าสุดได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ Sappe Beauti x Dr.PONG เครื่องดื่มแบบช็อต (Healthy Shot Drink) 2 สูตร ได้แก่ Colla Gluta และ Asta Q10 ซึ่งได้รับผลตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคอย่างดี นอกจากนี้ เครื่องดื่มน้ำผสมวิตามินแบรนด์ B’lue ก็ยังคงเดินหน้าเจาะเซ็กเมนต์ใหม่ๆเพื่อครองใจผู้บริโภคมากขึ้น