EGCO Group เติบโตแข็งแกร่งกำไรสุทธิ พุ่ง 165% จากกิจการโรงไฟฟ้าต่างประเทศ ปันผลทั้งปี 6.50 บาท/หุ้น มองปี’68 ต่อยอดฐานธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ
ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด(มหาชน) หรือ EGCO Group เปิดเผยว่า ในปี 2567 EGCO Group สามารถบริหารและจัดการการเดินเครื่องโรงไฟฟ้า ต้นทุนเชื้อเพลิง ต้นทุนทางการเงิน และสินทรัพย์ในทุกประเทศที่เข้าไปลงทุน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทรับรู้รายได้รวม 46,341 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน 9,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% และมีกำไรสุทธิ 5,412 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13,796 ล้านบาท หรือ 165% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
สำหรับผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ EGCO Group มีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ได้แก่ Yunlin ในไต้หวัน มีปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน Yunlin ได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบ 80 ต้น รวมกำลังผลิต 640 เมกะวัตต์ เรียบร้อยแล้ว ส่วน Quezon ในฟิลิปปินส์ มีปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และNam Thuen 2 ใน สปป.ลาว มีรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ปัจจัยบวกสำคัญยังมาจากโรงไฟฟ้าในสหรัฐ ได้แก่ APEX ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ ที่รับรู้รายได้จากการขายโครงการเพิ่มขึ้น และกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ที่ EGCO Group เริ่มรับรู้รายได้จากการเข้าไปถือหุ้น 50% เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567
อย่างไรก็ตามจากพื้นฐานธุรกิจที่มั่นคงและมีกระแสเงินสดสำหรับการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ทำให้ EGCO Group มีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังตอกย้ำนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ในฐานะหุ้นปันผลที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (AGM) ประจำปี 2568 ให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2567 ในอัตรา 3.25 บาท/หุ้น หลังจากได้รับการอนุมัติจากที่ประชุม AGM ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 11 เมษายน 2568 จะทำให้ทั้งปี 2567 มียอดจ่ายเงินปันผลทั้งหมด 6.50 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนประมาณ 6% โดยมีกำหนด จ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 เมษายน 2568
ดร.จิราพร กล่าวถึง แผนการดำเนินงานในปี 2568 ยังเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ “Triple P” ที่มีเป้าหมายสร้างความแข็งแกร่ง 3 ด้าน ได้แก่ การเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรอย่างต่อเนื่อง การบรรลุเป้าหมายองค์กรคาร์บอนต่ำ และการปรับเปลี่ยนองค์กรในทุกมิติ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
ทั้งนี้มุ่งเน้นลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อเป้าหมาย Net Zero Carbon ผ่านการลงทุนทั้งรูปแบบการควบรวมและซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions - M&A) และการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ (Greenfield)
ตลอดจนแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง โดยต่อยอดและเน้นการลงทุน ในประเทศที่มีฐานธุรกิจและพันธมิตรอยู่แล้ว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดไฟฟ้าและพลังงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงเป็นหนึ่งในฐานธุรกิจที่สำคัญของ EGCO Group ที่ได้เข้าไปลงทุนมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ปัจจุบัน EGCO Group มีโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาประมาณ 4 - 5 โครงการ รวมกำลังผลิตมากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนของการเจรจาและได้ข้อสรุปประมาณไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
ปัจจุบัน (ณ วันที่ 3 มีนาคม 2568) EGCO Group มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 6,721 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,463 เมกะวัตต์ (คิดเป็น 22% ของกำลังผลิตทั้งหมด) ทั้งจากชีวมวล พลังน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมทั้งบนบกและนอกชายฝั่ง เซลล์เชื้อเพลิง และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ตั้งอยู่ใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ บริษัท เอ็กโก เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด “ESCO” ให้บริการงานเดินเครื่อง บำรุงรักษา วิศวกรรม ก่อสร้าง อนุรักษ์พลังงาน และการฝึกอบรมแก่โรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ บริษัทโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค “CDI” ในอินโดนีเซีย ระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “TPN” โครงการนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง “ERIE” บริษัทด้านการวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรม “Innopower” และบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงิน “Peer Power”