บลจ.กสิกรไทย มองดอกเบี้ยทั่วโลกปรับขึ้นใกล้จุดสูงสุด ต่อไปเป็นจังหวะดอกเบี้ยขาลง ชวนซื้อกองทุนตราสารหนี้ระยะยาว ที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ไทยคุณภาพดีเป็นหลัก
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า การปรับอัตรานโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกใกล้ถึงระดับสูงสุดในรอบวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีแนวโน้มที่จะทยอยปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ระดับปกติ (Normalization) อย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นต่อจากระดับปัจจุบันไปไม่มาก
อย่างไรก็ดี ตลาดตราสารหนี้ไทยปัจจุบันได้สะท้อนถึงการขึ้นดอกเบี้ยไปส่วนใหญ่แล้ว หากธปท.มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก ผลกระทบที่มีต่อตลาดตราสารหนี้ไทยจะเป็นไปอย่างจำกัด ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย แนะนำให้ผู้ลงทุนเข้าลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะยาวในจังหวะนี้ได้ผ่าน กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ พลัส ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป (K-FIXEDPLUS-A)
“กองทุน K-FIXEDPLUS-A มีนโยบายที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ไทยคุณภาพดี ทั้งพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หุ้นกู้เอกชน และอาจมีการกระจายลงทุนบางส่วนในเงินฝากหรือตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีความมั่นคงสูงเพิ่มเข้ามาได้ด้วย โดยใช้กลยุทธ์การบริหารแบบเชิงรุก (Active Management Portfolio) จากทีมผู้จัดการกองทุนที่จะคอยบริหารความเสี่ยงทั้งทางด้านอัตราดอกเบี้ย และด้านความสามารถในการชำระหนี้ อีกทั้งยังมีการติดตามสถานการณ์การลงทุนอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ผู้ลงทุนยังสามารถเลือกลงทุน K-FIXEDPLUS ในรูปแบบกองทุนลดหย่อนภาษีผ่าน K-FIXEDPLUS-SSF ได้เช่นเดียวกัน” นายชัชชัย กล่าว
นายชัชชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะยาวอย่างน้อย 1 ปี จะช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้ เพราะอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับอายุของตราสาร ดังนั้น กองทุน K-FIXEDPLUS-A จึงเหมาะสำหรับผู้ที่สามารถถือครองหน่วยลงทุนได้ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ที่มองหาโอกาสรับผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากและกองทุนตลาดเงิน อีกทั้งยังเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการสภาพคล่องมากกว่าการลงทุนในกองทุน Term Fund ที่มีอายุโครงการ 1 ปีได้
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน K-FIXEDPLUS-A สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย หรือ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางการลงทุนข้างต้น หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888 นอกจากนี้ ผู้ลงทุนยังสามารถติดตามสถานการณ์การลงทุนที่สำคัญ และข่าวสารกองทุนรวมได้ตลอดเวลาที่ Facebook KAsset