ราคาหุ้น บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ปรับตัวเพิ่มขึ้น รับข่าวปี 2565 ทำกำไรสุทธิได้ 70,901 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 82% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่สามารถทำกำไรสุทธิได้ 38,863 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทฯได้เผยแนวโน้มผลการดําเนินงานสําหรับปี 2566 ซึ่งผลการดําเนินงานของบริษัทจะขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ปริมาณการขาย ราคาขายและต้นทุน
โดยบริษัทได้ติดตามและปรับเปลี่ยน แนวโน้มผลการดําเนินงานสําหรับปี 2566 ให้สอดคล้องกับแผนการดําเนินงานและภาวะอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป สรุปประมาณการแนวโน้ม ผลการดําเนินงานเป็นดังนี้
โดยบริษัทฯคาดการณ์ปริมาณการขายเฉลี่ยสําหรับไตรมาส 1 ปี 2566 และทั้งปี 2566 ที่ประมาณ 472,000 และ 470,000 บาร์เรลเทียบเท่า น้ํามันดิบต่อวัน ตามลําดับ เติบโตเล็กน้อยจากปี 2565 จากการเพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียมของโครงการจี 1/61 (เอราวัณ) ตาม แผนงาน
นอกจากนี้ ราคาน้ํามันดิบของบริษัทฯจะผันแปรตามราคาน้ํามันดิบในตลาดโลก ราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทนั้นมีโครงสร้างราคาส่วนหนึ่งผูกกับราคาน้ํามันย้อนหลังประมาณ 6-24 เดือน
โดยบริษัทคาดว่าราคาขายก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยสําหรับไตรมาส 1 ปี 2566 และทั้งปี 2566 จะอยู่ที่ประมาณ 6.7 และ 6.1 ดอลลาร์ สรอ. ต่อล้านบีทียู ตามลําดับ ลดลงจากปีก่อนหน้าเป็นผลจากสมมติฐานราคาน้ํามันดิบดูไบที่ลดลงจากปี 2565
รวมถึงสัดส่วนปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของโครงการจี 1/61 (เอราวัณ) และโครงการจี 2/61 (บงกช) ภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต ซึ่งมีราคาขายก๊าซธรรมชาติต่อหน่วยลดลงเมื่อเทียบกับในระบบสัมปทานเดิม
ซึ่งบริษัทฯมีการเข้าทําสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ํามันโดย ณ สิ้นปี 2565 มีปริมาณน้ํามันภายใต้การประกันความเสี่ยงดังกล่าว จํานวน 3.3 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้ บริษัทมีความยืดหยุ่นในการปรับแผนการประกันความเสี่ยงราคาน้ํามันตามความเหมาะสม
ขณะที่ คาดว่าจะสามารถรักษาต้นทุนต่อหน่วยได้ที่ประมาณ 27-28 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ํามันดิบ ลดลงจากต้นทุนต่อหน่วยของปี 2565 โดยหลักจากรายจ่ายค่าภาคหลวงต่อหน่วยที่ลดลงตามราคา ขายผลิตภัณฑ์ของบริษัท และค่าเสื่อมราคาต่อหน่วยที่ลดลง
ทั้งนี้ ปตท.สผ. ยังให้ความสําคัญในการสร้างวินัยทางการเงินและรักษาโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นปี 2565 บริษัทมีเงินสด คงเหลือในมือ 3,539 ล้านดอลลาร์ สรอ. และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ประมาณ 0.28 เท่า ซึ่งยังคงสภาพคล่องและอยู่ในกรอบ นโยบายการเงินของบริษัท