ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมมือกับ สกพอ. ก.ล.ต. และ ธปท. พัฒนาแหล่งระดมทุนใหม่ EEC Fundraising Venue ดึงดูดการลงทุนทั่วโลกสู่พื้นที่ EEC
จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC กล่าวว่า ได้ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งระดมทุน EEC (EEC Fundraising Venue)
โดยมุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มบริษัทข้ามชาติ, กลุ่มผู้ประกอบการขนาดใหญ่, กลุ่ม SME และกลุ่มผู้ประกอบการ Start-Up ใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ รวมทั้งผู้ประกอบการธุรกิจสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้เข้ามาลงทุนหรือขยายการลงทุนในเขตพื้นที่ EEC
“หากถามถึงความชัดเจนในการเปิดกระดานเทรด จริงๆแล้วเราสามารถทำได้เลยหากมีดีมานด์ของนักลงทุน ซึ่งตอนนี้มีบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในเขต EEC จำนวน 2,000 ราย ซึ่ง 60-70% ถือว่าเป็นรายใหญ่ ส่วนอีกกลุ่มที่เรามองไว้คือบริษัทสัญชาติที่ไประดมทุนต่างประเทศ ซึ่งมีจำนวนมากและมีวงเงินรวมประมาณ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ“ จุฬา กล่าว
ด้านภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า การพัฒนาแหล่งระดมทุน EEC จะเพิ่มทางเลือกแก่ผู้ระดมทุนทั้งบริษัทไทยและต่างประเทศ โดยกระดานเทรดนี้สามารถใช้เงินตราต่างประเทศเทรดได้ โดยจะเริ่มที่สกุลเงินดอลลาร์ก่อน ตามด้วยสกุลเงินดิจิทัล
นอกจากนี้ SET ยังอยู่ระหว่างศึกษาการระดมทุนดังกล่าวว่าจะมีการรวมกระดานเทรดหรือไม่ หรือควรแยกกระดานเทรด EEC ออกมา
“ปัจจุบัน ตลท. ได้มีการพัฒนาเกณฑ์เข้าจดทะเบียนในรูปแบบ New Economy Track ด้วยสกุลเงินบาท ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่สนับสนุนให้กลุ่มผู้ประกอบการที่เป็นกลุ่มเป้าหมายอุตสาหกรรม EEC สามารถเข้าจดทะเบียนได้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) “ ภากร กล่าว
ด้าน จอมขวัญ คงสกุล รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. กล่าวว่า สำหรับหลักการคุ้มครองนักลงทุนยังเหมือนเดิมไม่แตกต่าง แต่ตลาด EEC จะมีเรื่องของสกุลเงินต่างประเทศและในส่วนของระบบเทรด ที่อาจจะแยกออกมาอีกกระดานหนึ่งซึางทางก.ล.ต.และตลท.จะมีการพิจารณาช่วยกันต่อไป