บทเรียนเซียนหุ้น STARK-OTO-MORE 3 หุ้นแสบทุบกระดานแตก

บทเรียนเซียนหุ้น STARK-OTO-MORE 3 หุ้นแสบทุบกระดานแตก
บทความนี้จะขอพูดถึงความร้อนแรงของ 3 หุ้นซิ่ง STARK MORE และ OTO ที่เรียกได้ว่าเป็นทอกล์ออฟเดอะทาวน์ของตลาดหุ้น หลังราคาหุ้นรูดดิ่งตบนักลงทุนรายเล็ก รายใหญ่เจ๊งไปตาม ๆ กัน

 

สำหรับ STARK หุ้นที่ใครต่างก็เคยเชื่อมั่นว่าแนวโน้มธุรกิจดี พื้นฐานแกร่ง แม้พื้นเพจะเป็นหุ้นที่ข้ามาในตลาดหุ้นด้วยวิธีการเข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์โดยอ้อม (Back-door Listing) ก็ตาม

แต่ด้วยธุรกิจสายไฟฟ้าที่เจ้าตัวได้ขายฝันไว้ว่าทั้งในไทยและเวียดนาม มีสัญญาณการเติบโตเรื่อย ๆ  มีความชัดเจน มองเห็นอนาคต ทำให้เหล่าบรรดานักวิเคราะห์ทั้งหลายออกบทวิเคราะห์กันเพียบ ทำให้ STARK กลายเป็นหุ้นเนื้อหอมที่นักลงทุนทุกสาย ไม่ว่าจะรายเล็ก รายใหญ่ หรือแม้กระทั่งสถาบันต่างเข้ามารุมจีบรุมซื้อกันไม่หยุด

แม้ภาพลักษ์ STARK ที่ถูกแต่งไว้จะดูดี น่าเชื่อถือ สตอรี่ดีและเนียนจนเหล่าเซียนทั้งหลายพร้อมกันเชื่อ แต่จุดเริ่มต้นความปั่นป่วนของหุ้น STARK ก็ได้เกิดขึ้นหลังจากการที่บริษัทแจ้งปิดงบปี 2565 ไม่ได้ จนหุ้นถูกขึ้นเครื่องหมาย “SP”

ในขณะที่ “ชนินทร์ เย็นสุดใจ” ประธานกรรมการบริษัท และเหล่าทีมผู้บริหาร 6 คน อยู่ ๆ ก็ได้ประกาศลาออกพร้อมกันยกแผง และให้เหตุผลว่าติดภาระกิจส่วนตัว จึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่กรรมการของบริษัทได้อย่างเต็มความสามารถ แต่หลายคนสงสัยว่าต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับบริษัทแน่นอน ส่งผลให้ราคาหุ้น STARK รูดหนักร่วงดิ่งลงเหวกันเลยทีเดียว จากราคา 3 บาท เมื่อช่วงต้นปี แต่ตอนนี้ราคาหุ้นอยู่ที่ 0.10 บาท ส่วนปริมาณหุ้นก็เหลืออยู่เพียง 52,309,150 หุ้น มูลค่าการซื้อขาย 5.211 ล้านบาท

แต่หากเปรียบเทียบความเสียหายระหว่าง STARK กับ MORE จะบอกว่าทั้งสองเคสเจ็บหนักทั้งคู่เพียงแต่โครงสร้างธุรกิจของ MORE ไม่มีความชัดเจน  จึงกลายเป็นเพียงหุ้นซิ่งสำหรับนักลงทุนที่รู้กันปากต่อปากที่ชวนกันเข้าไปเล่นในวงแคบ โดยเมื่อช่วงปลายปี 2565 MORE สามารถทำราคาขึ้นไปสูงถึง 2.90 บาท ก่อนจะร่วงลงมาที่ราคาฟลอร์ติดต่อกัน จนปัจจุบันเหลือแค่ 0.18 บาท

และก่อนหน้านี้กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งถือเป็นผู้ที่ได้รับความเสียหาย ก็ได้เข้าร้องทุกข์กับ ปอศ. ขอให้ตรวจสอบดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในการซื้อขายหุ้น MORE ที่ผิดปกติ

แต่สำหรับ  STARK เรียกได้ว่าเป็นความเสียหายระดับประเทศ และเจ็บหนักหลายเด้ง เพราะนักลงทุนค่อนข้างกระจายตัวมีทั้งรายใหญ่ รายย่อย ตราสารหนี้ (บอนด์) แถมยังมีการเพิ่มทุนขาย PP อีก 1,500 ล้านบาท เพื่อขายนักลงทุนสถาบัน และนำเงินไปต่อยอดธุรกิจ

สุดท้ายเราก็ต้องมาลุ้นกันว่า STARK จะสามารถส่งงบการเงินวันที่ 16 มิถุนายนนี้ ตามกำหนดได้หรือไม่ และถ้าส่งแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ แต่หากจะหาตัวคนผิดตอนนี้มองว่าค่อนข้างยาก และการทำ special audit ที่ล่าสุดบริษัทขอขยายระยะเวลาออกไปอีก 30 วัน จะจบหรือไม่ต้องรอติดตาม...

ส่วนอีกหนึ่งเกมหุ้นที่ร้อนแรงในขณะนี้ก็คือ OTO ที่ไม่รู้ว่าเจ้านั้นล่อซื้อเม้าแรงเกินไปหรือเปล่า เพราะจากที่ไปส่องดูพบว่าราคาหุ้นจากราคาสูงสุดเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมาจาก 23.60 บาท ราคา หุ้นได้ร่วง 4 ฟอร์ติด (ตั้งแต่ 12-15 มิถุนายน 66) จนปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ราว 3.86 บาท

ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯก็ได้ออกมาเตือนนักลงทุนให้พิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบและระมัดระวัง ก่อนเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ OTO เนื่องจากมีสภาพการซื้อขายที่ผิดไปจากปกติ และพบการขายที่กระจุกตัว โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 12 และ 13 มิถุนายน 2566 และปัจจุบัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้หลักทรัพย์ OTO อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขาย ระดับ 1 ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2566 เนื่องจากสภาพการซื้อขายผิดปกติโดยไม่มีปัจจัยสนับสนุน

สำหรับ OTO หรือ บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจให้บริการบริหารจัดการงานลูกค้าสัมพันธ์แบบเต็มรูปแบบ และให้บริการออกแบบพัฒนาและติดตั้งระบบศูนย์บริการข้อมูลแบบเบ็ดเสร็จให้แก่องค์กรภาครัฐและเอกชน และมีบริการให้เช่าอุปกรณ์ Contact Center และบริการให้เช่าซอฟต์แวร์ ทั้งซอฟต์แวร์สำเร็จรูป และซอฟต์แวร์ระบบ Contact Center ที่ปรับเปลี่ยนระบบการทำงานให้เหมาะสมกับธุรกิจขององค์กรเพื่อให้บริการลูกค้า

โดยผลประกอบการย้อนหลังของบริษัท 3 ปี รายได้ตั้งแต่ปี 2563-2565 อยู่ที่ 685.09 ล้านบาท , 657.16 ล้านบาท และ 634.89 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ในปี 2563 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 48.85 ล้านบาท ก่อนจะพลิกกลับมามีกำไรในปี 2564 ที่ 55.68 ล้านบาท และกลับมาขาดทุนสุทธิอีกครั้งในปี 2565 ที่ 116.22 ล้านบาท

ตัวอย่างบทเรียนจากทั้ง 3 หุ้น ไม่ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังกระดานจะเป็นใคร นักลงทุนควรศึกษาเรื่องการลงทุนเพื่อป้องกันตัวเองจากความเสี่ยงเหล่านั้นให้ดี ลองเปลี่ยนมาใส่เกียร์ว่างให้ตัวเองก่อนเพื่อที่จะคิด วิเคราะห์ก่อนลงทุนทุนครั้ง และจงตระหนักไว้ว่าเกมทุกอย่างเจ้ามือต้องมีการวางสตอรี่เพื่อให้เนื้อเรื่องและจุดจบเป็นไปตามที่ตัวเองสร้างไว้เสมอ

 

 

TAGS: #STARK #MORE #OTO