SCG Decor ยื่นไฟลิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมขาย IPO ไม่เกิน 444.1 ล้านหุ้น

SCG Decor ยื่นไฟลิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมขาย IPO ไม่เกิน 444.1 ล้านหุ้น
SCG Decor ยื่นไฟลิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมขาย IPO ไม่เกิน 444.1 ล้านหุ้น ชูความแข็งแกร่งสินค้านวัตกรรม ขยายธุรกิจตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ในอาเซียนรับตลาดโต

 

พิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินกล่าวว่า หลังจาก SCG Decor ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นให้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยล่าสุดได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.แล้ว เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 

โดยปัจจุบัน SCG Decor มีทุนจดทะเบียน 16,550,000,000 บาท คิดเป็นจำนวน 1,655,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) หุ้นละ 10 บาท โดยทุนที่ออกและชำระแล้วมีจำนวน 1,210,900,000 บาท และจะเสนอขายหุ้น IPO (ซึ่งรวมถึงการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ COTTO เพื่อแลกหุ้น) จำนวนไม่เกิน 444,100,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ26.8 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้

วัตถุประสงค์การเสนอขายหุ้น IPO เพื่อใช้ขยายธุรกิจ ทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการดำเนินงาน และเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ การควบรวมกิจการและปรับโครงสร้างเงินทุน โดยการเสนอขาย IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ SCG Decor จะเพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินและศักยภาพการขยายธุรกิจในระดับอาเซียน

ด้านนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือSCGD เปิดเผยว่า ธุรกิจหลักของ SCG Decor แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจตกแต่งพื้นผิว (Decor Surfaces) เป็นสัดส่วนรายได้หลักประมาณ 80% โดยเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องปูพื้น บุผนัง ในประเทศไทย เวียดนามฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย 

เช่น แบรนด์ COTTO, SOSUCO, CAMPANA, PRIME, PREMIER, MARIWASA, Luxurio, KIA, Impresso เป็นต้นและส่งออกกว่า 53 ประเทศ รวมถึงมีผลิตภัณฑ์กระเบื้องไวนิล SPC (Stone Plastic Composite) และกระเบื้องไวนิลLVT (Luxury Vinyl Tile) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในตลาดที่อยู่อาศัยและอาคารเชิงพาณิชย์เนื่องจากติดตั้งง่ายและมีลวดลายธรรมชาติเสมือนจริง 

และยังมีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น กาวซีเมนต์, กาวยาแนว เป็นต้น ธุรกิจสุขภัณฑ์ คิดเป็นสัดส่วนรายได้เกือบ 20% และมีอัตรากำไรที่ดี โดยเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสุขภัณฑ์ ก๊อกน้ำและอุปกรณ์ห้องน้ำในประเทศไทย เช่น แบรนด์COTTO, SOSUCO เป็นต้น และส่งออกกว่า 29 ประเทศ และธุรกิจอื่นๆ

ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 30,253.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.6% จากปี 2564 ที่มีรายได้จากการขาย 25,937.4 ล้านบาท จากยอดขายและปริมาณขายสินค้าของธุรกิจตกแต่งพื้นผิวในประเทศไทยเวียดนาม อินโดนีเซียและธุรกิจสุขภัณฑ์เพิ่มขึ้น 

ส่วนไตรมาส 1/2566 มีรายได้จากการขาย 7,226.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% จากไตรมาส 1/2565 ที่มีรายได้จากการขาย 7,142.8 ล้านบาท จากยอดขายสินค้าธุรกิจตกแต่งพื้นผิวในประเทศไทย ธุรกิจสุขภัณฑ์และธุรกิจอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น

TAGS: #SCG #IPO #ไฟลิ่ง