โหวตนายกฯ รอบแรก เงินบาทแข็งค่า-ตลาดทุนเป็นบวก ปัจจัยเทขายดอลลาร์ฯ SET เหนือ1,500 จุด

โหวตนายกฯ รอบแรก เงินบาทแข็งค่า-ตลาดทุนเป็นบวก ปัจจัยเทขายดอลลาร์ฯ SET เหนือ1,500 จุด
รอบสัปดาห์ 11-15 ก.ค.66 สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ1 เดือน ผ่านแนว 35บาทต่อดอลลาร์ฯ ดัานดัชนีหุ้น ดีดตัวขึ้นกลับมายืนเหนือ 1,500 จุดได้ ในช่วงท้ายสัปดาห์ 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวในตลาดเงินบาทและตลาดทุน ในวันศุกร์ที่ 14 ก.ค. 2566 โดยเงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ (หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 เดือนที่ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ฯในระหว่างสัปดาห์) เทียบกับ 35.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (7ก.ค.) 

สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 10-14 ก.ค. 2566 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 514 ล้านบาท และ 3,570 ล้านบาท ตามลำดับ

สัปดาห์ถัดไป (17-21 ก.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 34.00-34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ 

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์การเมืองไทย และสัญญาณเงินทุนต่างชาติ 

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน ก.ค. ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ของอังกฤษ ยูโรโซน และญี่ปุ่น รวมถึงการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR และตัวเลขเศรษฐกิจจีน อาทิ ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 2/66 การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
ดัชนีหุ้นไทยกลับมาปิดเหนือ 1,500 จุดได้อีกครั้ง ทั้งนี้หุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบเกือบตลอดสัปดาห์ระหว่างรอติดตามความคืบหน้าทางการเมือง ก่อนจะดีดตัวขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์

แม้สถานการณ์การเมืองในประเทศจะยัง คงมีปัจจัยที่ต้องติดตามต่อเนื่องหลังสิ้นสุดการโหวตนายกรัฐมนตรีในรอบแรก 

โดยหุ้นไทยมีแรงหนุนเช่นเดียวกับหุ้นภูมิภาคท่ามกลางความคาดหวังว่าเฟดใกล้จะยุติวัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว หลังข้อมูลเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงมากกว่าคาด 

นอกจากนี้ยังมีแรงซื้อคืนหุ้นบิ๊กแคปในกลุ่มพลังงานและเทคโนโลยี รวมถึงกลุ่มแบงก์ก่อนการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/66

โดยในวันศุกร์ที่ 14 ก.ค. ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,517.92 จุด เพิ่มขึ้น 1.84% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 40,927.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.10% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.79% มาปิดที่ระดับ 461.71 จุด

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (17-21 ก.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่าดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,505 และ 1,485 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,535 และ 1,545 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์การเมืองในประเทศและผลประกอบการไตรมาส 2/66 ของบจ.ไทย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ 

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน และยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ 

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/66 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.ของจีน อาทิ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

TAGS: #เงินบาท #ตลาดทุน #ลงทุน