"เมอร์เคิล แคปปิตอล" คาด AUM สิ้นปีนี้แตะ 1.15 พันลบ. ตามตลาดคริปโตฯเริ่มฟื้นตัว

"เมอร์เคิล แคปปิตอล" คาด AUM สิ้นปีนี้แตะ 1.15 พันลบ. ตามตลาดคริปโตฯเริ่มฟื้นตัว พร้อมเน้นกลยุทธ์การตลาดเจาะหัวเมืองต่างหวัดสร้างการรับรู้ และดึงดูดนักลงทุนกลุ่มใหม่มากขึ้น

 

มานะ คานิโยว หัวหน้าฝ่ายบริหารงานขายและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บจ.เมอร์เคิล แคปปิตอล (Merkle Capital) ซึ่งเป็นผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลในเครือ Cryptomind Group  กล่าวว่า บริษัทฯ คาดว่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ภายในสิ้นปี 2566 จะแตะระดับ 1,150 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามภาพรวมของตลาดคริปโตฯที่เริ่มฟื้นตัว รวมถึงนักลงทุนหันกลับมาสนใจมากขึ้น หลังจากในปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบรุนแรงจากหลายเหตุการณ์นับตั้งแต่การล่มสลายของ Luna Terra  ตลอดจน FTX   

สำหรับกลยุทธ์ปีนี้ บริษัทจะเน้นทำการตลาดและในครึ่งปีหลังจะทำการตลาดตามหัวเมืองในต่างจังหวัดมากขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้ รวมถึงยังเป็นการดึงดูดนักลงทุนกลุ่มใหม่เข้ามาด้วยเช่นกัน

ส่วนกลยุทธ์ที่มีความโดดเด่นและได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากที่สุด คือ Large Cap (M-LCAP) ซึ่งเน้นลงทุนในเหรียญที่มี  Market Cap ขนาดใหญ่ อย่าง Bitcoin Ethereum  มีน้ำหนักรวมกันประมาน 65% และเหรียญอื่นๆที่วัดจาก Market Cap มีอัตราการเติบโตสูง และเลือกตัวที่มีประสิทธิภาพมาลง ซึ่งกลยุทธ์นี้จะเป็น Flagship สำหรับนักลงทุนเลยก็ว่าได้

นอกจากนี้บริษัทฯยังได้มีการออกแบบกลยุทธ์สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลไว้หลากหลาย เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของนักลงทุนที่แตกต่างกันได้ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มอายุมาก รับความเสี่ยงได้น้อย จะมีกลยุทธ์ Bitcoin Alpha (M-BTCA) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ระยะยาวที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้รับความเชื่อมั่นสูงสุดอย่าง Bitcoin

ขณะที่นักลงทุนกลุ่มคนรุ่นใหม่ สามารถรับความเสี่ยงได้สูง จะนิยมลงทุนใน Altcoin เป็นหลัก จะมีกลยุทธ์อย่าง Blockchain Infrastructure (M-BLOCK) ที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Blockchain Platform และ Smart Contract Platform อย่างเช่น เทคโนโลยี Layer 1, Layer 2 

ด้านนายสัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Cryptomind Advisory  คาดการณ์ตลาดคริปโตครึ่งปีหลังนี้ยังคงมีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน โดยมองกรอบราคาของ Bitcoin อาจจะปรับตัวขึ้นไปแตะระดับ 35,000-38,000 เหรียญได้  โดยในช่วงที่ผ่านมาได้รับแรงหนุนจากบริษัทการเงินระดับโลกที่พากันยื่นขอจด Bitcoin Spot ETF รวมถึงการที่ Bitcoin Dominance ส่วนแบ่งตลาดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีปัจจัยจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ย
 

 

TAGS: #Crypto