‘บ้านปู’ ตอกย้ำทิศทางการเติบโตธุรกิจพลังงานในสหรัฐเร่งเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด โชว์นปี'65ธุรกิจก๊าซฯสร้าง EBITDA ถึง 1,052 ล้านเหรียญสหรัฐ เดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่องปี’66-68

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เผยว่า บ้านปูขยายการเติบโตของธุรกิจในสหรัฐให้ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสหรัฐเป็นหนึ่งในประเทศยุทธศาสตร์ทางธุรกิจที่สำคัญของบ้านปู ผนวกกับทิศทางอุตสาหกรรมพลังงานในสหรัฐยังมีแนวโน้มเป็นบวกที่เอื้อให้บ้านปูขยายการเติบโตในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ที่อยู่ในตลาดไฟฟ้าเสรี Electric Reliability Council of Texas หรือ ERCOT ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ตลาดไฟฟ้าที่มีการเติบโตสูงสุดของสหรัฐฯ

 ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังต่อยอดสู่ธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องในตลาดไฟฟ้าเสรี ทั้งธุรกิจซื้อขายไฟ (Power Trading) และธุรกิจค้าปลีกไฟฟ้า (Power Retail) เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าโดยตรงให้แก่ผู้บริโภครายย่อย ทั้งหมดนี้ล้วนตอบโจทย์การทำธุรกิจพลังงานครบวงจรของบ้านปู และเสริมสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งในประเทศที่บริษัทฯ เข้าไปลงทุน โดยให้ความสำคัญกับการสร้างรายได้และกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้การลงทุนเมื่อต้นเดือนก.ค. 2566 ในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วอย่าง Temple II ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions: HELE) มีกำลังผลิต 755 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา อยู่ติดกับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ที่มีอยู่เดิม ส่งผลให้การดำเนินการและบริหารจัดการโรงไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น เอื้อต่อการใช้ทรัพยากรร่วมกันให้ได้ประโยชน์สูงสุด

ขณะเดียวกันยังสร้างคุณค่าร่วมกันกับแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่เดิม ไม่ว่าจะเป็นแหล่งก๊าซบาร์เนตต์ (Barnett) ในรัฐเท็กซัส ที่บ้านปูบริหารจัดการระบบกลางน้ำซึ่งเป็นท่อขนส่งก๊าซความยาวมากกว่า 778 ไมล์ และระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องเอง

นอกจากนี้ยังมีแหล่งก๊าซมาร์เซลลัส (Marcellus) ในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งรวมทั้งสองแหล่งแล้วมีกำลังผลิตถึง 900 ล้านลูกบาศก์ฟุต(ลบ.ฟุต)ต่อวัน และมีปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรองที่พิสูจน์แล้ว (1P) ในสหรัฐฯ 5.8 ล้านล้านลบ.ฟุตเทียบเท่า  โดยในปัจจุบันบ้านปูยังคงสถานะเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุด 20 อันดับแรกของสหรัฐฯ และในปีที่ผ่านมา ธุรกิจก๊าซธรรมชาติก็สามารถสร้าง EBITDA ให้บ้านปูถึง 1,052 ล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตามยังสนับสนุนการยกระดับความยั่งยืนในกระบวนการผลิต ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG ด้วยการพัฒนาโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) ในแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ ที่สอดรับนโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะพร้อมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในปีนี้

“ครึ่งปีหลังคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง จากราคาก๊าซธรรมชาติและปริมาณความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ส่วนกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงานจะสามารถรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากโรงไฟฟ้า Temple II ที่เข้าไปลงทุนได้ทันทีเชื่อมั่นว่าทิศทางการลงทุนและดำเนินธุรกิจในประเทศยุทธศาสตร์ ทั้งในสหรัฐและประเทศต่างๆ ในพอร์ตธุรกิจ ที่มุ่งสร้างความแข็งแกร่งของระบบนิเวศธุรกิจ เชื่อมโยงตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ จะสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนได้ตามที่บริษัทฯ มุ่งหวัง”