แนะลงทุนเพิ่มในตราสารหนี้ หุ้นโลก หุ้นจีน

แนะลงทุนเพิ่มในตราสารหนี้ หุ้นโลก หุ้นจีน
แนะลงทุนเพิ่มในตราสารหนี้ หุ้นโลก หุ้นจีน พร้อมกระจายความเสี่ยงผ่านสินทรัพย์ทางเลือก

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ตลาดทุนในปี 2565 พบกับความท้าทายรอบด้าน โดยสินทรัพย์แทบทุกประเภทต้องเผชิญกับภาวะขาดทุน ในขณะที่ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อภาคการลงทุนในช่วงต้นปี 2566 เริ่มส่งสัญญาณเป็นบวก ทั้งภาวะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงโดยเฉพาะราคาสินค้า แต่ราคาบริการยังคงทรงตัวในระดับสูง จากตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่ง การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา เริ่มเข้าใกล้จุดสูงสุด และจะคงดอกเบี้ยในระดับสูงจนถึงช่วงปลายปีนี้ คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วจะเข้าสู่ภาวะชะลอตัว (Slow Down) แต่เศรษฐกิจของประเทศเกิดใหม่มีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่า หนุนจากการเปิดประเทศของจีน

ดร.เชาว์ เก่งชน Executive Chairman บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ล่าสุด ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 ขึ้นมาอยู่ที่ 3.7% เนื่องจากการเปิดประเทศจีนที่เร็วกว่าคาดจะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญในภาคการท่องเที่ยว โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2566 อยู่ที่ระดับ 25.5 ล้านคน ในขณะที่ภาคการส่งออกจะยังคงเผชิญกับแรงกดดัน แม้จะได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในประเทศจีนที่ทยอยกลับมาเป็นปกติ จากสาเหตุการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และทิศทางการแข็งค่าของเงินบาทตลอดทั้งปีนี้ จึงประเมินว่าภาพรวมการส่งออกไทยอาจยังคงเผชิญกับการหดตัวที่ -0.5%

ด้าน Lombard Odier แนะนำ 10 กลยุทธ์การลงทุนในปี 2566 หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล10 ปีสหรัฐฯ แตะจุดสูงสุด และจากการที่จีนเปิดประเทศ โดยแบ่งเป็นกลยุทธ์ตามจุดเปลี่ยนในตลาดทุนที่ต้องจับตา ดังนี้

1.อัตราเงินเฟ้อที่เริ่มปรับตัวลดลงและนโยบายด้านการเงินที่เข้มงวดในประเทศพัฒนาแล้วท่ามกลางเศรษฐกิจซบเซาเป็นสถานการณ์ที่ยังไม่เอื้อต่อสินทรัพย์เสี่ยง

2.การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงยังคงต้องทำอย่างระมัดระวังโดยเลือกเฉพาะสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวและอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น

3.พันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงเริ่มมีผลตอบแทนที่น่าสนใจ

4.กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพในหลากหลายประเภทสินทรัพย์ เช่น หุ้นบริษัทที่มีความสามารถในการปกป้องอัตรากำไร (Margin) และได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศของจีน

5.กำไรต่อหุ้น (Earnings per share) มีแนวโน้มลดลง จากต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูง และกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง

6.ตลาดเกิดใหม่ที่ได้รับจากอานิสงส์จากการเปิดประเทศของจีนมีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัว หลังจากที่เฟดมีการปรับนโยบาย อย่างไรก็ตามต้องอาศัยภาวะเปิดรับความเสี่ยงของนักลงทุนทั่วโลกด้วย

7.กระจายลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก อย่าง Hedge Fund ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลงเนื่องจากความผันผวนและความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังอยู่ในระดับสูง

8.ดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าลง

9.หุ้นกู้เอกชนผลตอบแทนสูง (High Yield) จะกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง หลังจากที่บรรยากาศโดยรวมในการลงทุนดีขึ้น สินทรัพย์เสี่ยงจะกลับมาเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น

10.ทองคำมีความน่าสนใจมากขึ้น จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า และการเปิดประเทศของจีน

นายจิรวัฒน์ กล่าวในตอนท้ายว่า เพื่อรับมือกับหลากหลายจุดเปลี่ยนต้องจับตาในปีนี้ ธนาคารแนะนำให้นักลงทุนเข้าลงทุนเพิ่มเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน ผ่านการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก เช่น Hedge Funds และสินทรัพย์นอกตลาด ควบคู่กับการกลับมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ หุ้นโลก ในธีม Winner of the New Economy หุ้นจีนและเอเชียในธีม The Rise of China and Asia และกองทุนด้านความยั่งยืน รวมทั้งกองทุนผสมอย่าง K-ALLROAD Series* เพื่อช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ต
 

TAGS: #ธนาคารกสิกรไทย #ลงทุน #หุ้น #ตราสารหนี้